วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

ประสบการณ์ตรง สู่ความเป็นโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระดับประถมศึกษา-ขยายโอกาส (๓)

บันทึกที่ ๑ 
บันทึกที่ ๒

จุดเด่นของโรงเรียนบ้านไร่พวยมิตรภาพ ที่ ๑๘ คือ ความเชื่อมโยงของการจัดการเรียนรู้ ซึ่งมุ่งบูรณาการสู่การ "เรียนชีวิต" "สอนคน" โดยใช้ฐานการเรียนรู้เป็นจุดร่วม มีการบูรณาการระหว่างการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน การจัดกิจกรรมเสริมการเรียน และกิจกรรมให้ฝึกนำไปใช้ในชีวิตจริง มีปัจจัยของความสำเร็จคือ การระเบิดจากภายในของครูแกนนำ การสนับสนุนจากผู้อำนวยการ และปราชญ์ชาวบ้านผู้ยิ่งใหญ่ (รางวัลคนดีของแผ่นดิน) อยู่ใกล้โรงเรียน...

เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ว่า ระดับความสำเร็จหรือความก้าวหน้า ของการพัฒนาขับเคลื่อนเป็นโรงเรียนศูนย์ฯ ผมจะแบ่งลำดับขั้นของความสำเร็จที่ควรจะเห็นเป็น ๓ ระดับ ซึ่งผมได้ฟังแล้ว "จับ" ประเด็นจาก ดร.ปิยานุช ธรรมปิยา ประธานกรรมการประเมินฯ แล้วเอามาสังเคราะห์เขียน ดังนี้

งดงามในเบื้องต้น (สถานศึกษาทั่วไป)

โรงเรียนระดับประถมศึกษา (-ขยายโอกาส) จะต้องมีกระบวนการ "บ่ม เพาะ ปลูก ฝัง" อุปนิสัย "อยู่อย่างพอเพียง" ซึ่งได้กำหนดไว้แล้วในหลักสูตรแกนกลาง ๕๑ และหลักสูตรสถานศึกษอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องหลักการ "การพึ่งตนเอง" ครูในโรงเรียนต้องมีเป้าหมายร่วมกันชัดเจนว่า ต้องการให้นักเรียนมี ความรู้ ทักษะ และเจตคติ อะไร อย่างไร  

เพื่อให้นักเรียนมีทั้งความรู้ ทักษะ (เก่ง) และเจตคติ (เป็นคนดี) นั้น การจัดการเรียนรู้ต้องมีหลักวิชาการทฤษฎี และเน้นให้มีการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ (Learning by doing) ซึ่งแน่นอนว่า โรงเรียนต้องจัดให้มี "แหล่งเรียนรู้" เพื่อให้นักเรียนได้สืบค้น ค้นคว้า ทดลอง เรียนรู้ประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนที่ครูออกแบบ

ตัวอย่าง "แหล่งเรียนรู้" ย่อมมีอยู่ในทุกโรงเรียน ไม่มากก็น้อย แตกต่างกันไปตามบริบทและจุดเน้นจุดเด่นของโรงเรียน เช่น แปลงผักสวนครัว รั้วกินได้ สวนผลไม้ บ่อปลา แปลงนา โรงเห็ด ไร่ยางพารา นาบัว ไร่อ้อย ไร่มันสัมปะหลัง ป่าไม้ ป่าสมุนไพรในโรงเรียน ห้องสมุด สนามกีฬา โรงฝึกงาน โรงครัว ฯลฯ โดยผลผลิตจาก "แหล่ง" เหล่านี้ได้ถูกนำมาบริโภคในโครงการอาหารกลางวัน  หรือเป็นการฝึกทักษะชีวิต ฝึกความอดทน ขยัน ปลูกฝังความมีวินัยและรับผิดชอบ ฯลฯ ..... โดยทั่วไปจะยังไม่บูรณาการกับการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน

งดงามในท่ามกลาง (สถานศึกษาพอเพียง)

สถานศึกษาพอเพียง มุ่ง "ปลูกฝัง บ่มเพาะ ฝึกฝน" พัฒนาคนโดยใช้หลัก ปศพพ. มาเป็น "หลักคิด" "หลักปฏิบัติ" เพื่อให้นักเรียนได้ "ฝึกคิด" "ฝึกทำ" อย่างมีหลักวิชาการ ดังนั้น การจัดการเรียนรู้ของครูจะต้องจัดให้บูรณการการเรียนรู้ในกลุ่มสาระฯ กับกิจกรรมที่ทำในแหล่งเรียนรู้ เพื่อให้เกิดกระบวนการฝึกฝนและเรียนรู้แบบรู้จริง

การนำกิจกรรมหรืองานที่นักเรียนได้ฝึกทำจาก "แหล่งเรียนรู้" สู่ห้องเรียน โดยมีการเขียน "แผนการจัดการเรียนรู้" ชัดเจน ว่า
  • ต้องการให้นักเรียนได้ ความรู้(K) ทักษะ(P) และคุณธรรม (A) อะไร
  • จะใช้ "แหล่งเรียนรู้" นั้นๆ อย่างไร  KPA แต่ละข้อเกิดขั้นในขั้นตอนใด เกิดขึ้นอย่างไร 
  • จะรู้ได้อย่างไรว่า KPA นั้นเกิดขึ้นแล้ว จะประเมิน KPA นั้นๆ อย่างไร 
"แหล่งเรียนรู้" ที่ถูกนำไปใช้เป็น "สื่อ" เราถือว่าเป็น "ฐานการเรียนรู้" เป็นเครื่องมือในการ "ปลูกฝัง บ่มเพาะ ฝึกฝน"  โดยที่ต้องมีการบันทึกการใช้ฐานเพื่อการพัฒนางานอย่างเป็นระบบ

เมื่อนักเรียนได้เรียนรู้หลักวิชาการในห้องเรียน ได้ฝึกทักษะจากการนำไปใช้ใน "ฐานการเรียนรู้" กอปรกับการปลูกฝัง บ่มเพาะคุณธรรม จริยธรรม จากครูผู้พอเพียง ย่อมทำให้พวกเขามีอุปนิสัย "พอเพียง" และ ผ่านการประเมินเป็น โรงเรียนสถานศึกษาพอเพียง

ผอ. ครู และนักเรียน ในโรงเรียนสถานศึกษาพอเพียง จะมีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์คือ มีความสุข มั่นใจในตนเอง ภูมิใจต่อตนเอง ท้องถิ่น ชุมชน นั่นคือเป็นคน "รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้บุคคล รู้ประมาณ รู้กาลเวลา และรู้มวลประชา/ท้องถิ่น/ชุมชน

บั้นปลาย (พร้อมรับการประเมินฯ เพื่อกลายเป็น โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ)

เมื่อโรงเรียนประสบผลสำเร็จในการปลูกฝังอุปนิสัย "พอเพียง" สามารถน้อมนำหลัก ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข นำไปใช้ใน ๔ มิติ กับตน กับคน กับชุมชนและสังคม คือ คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น เรียนรู้ด้วยตนเองเป็น การขยายผลความสำเร็จของตนสู่คนอื่นคือภารกิจหลักของโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ ดังนั้น ศักยภาพที่จำเป็น คือ การสื่อสาร เผยแพร่ แนะนำ ช่วยเหลือ แบ่งปันประสบการณ์ ....  ทำงานของในหลวงต่อไป....

โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ ต้องทำหน้าที่เป็นเหมือน "ครู" และ "เพื่อน"  การเป็น "ครู" คือต้องเป็นทั้ง "ผู้รู้" และ "แบบอย่าง" ส่วนการเป็นเพื่อนนั้น หมายถึงเป็น "มิตร" ที่ "กัลยา" หรือเป็น "กัลยาณมิตร" และเป็น "ตัวอย่าง" เป็นได้ถ้วนถึง ๔ ประการ คือ มิตรอุปการะ มิตรแนะประโยชน์ มิตรมีความรักใคร่ และมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข

การเป็น "แบบอย่าง" และ "ตัวอย่าง" ที่ดี โรงเรียนต้องมีสิ่งดังต่อไปนี้ครับ
  • นักเรียนเกิดอุปนิสัย "พอเพียง" ... มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง ฯลฯ
  • ครูมีแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการ ปศพพ. ทั้งในกลุ่มสาระฯ และฐานการเรียนรู้ มีร่องรอย (บันทึกการจัดการเรียนรู้) และมีความสำเร็จให้เห็น
  • มีลักษณะฐานการเรียนรู้หรือแหล่งเรียนรู้ ที่สามารถเป็น "ครูที่ไม่พูด" ... ผู้มาศึกษาดูงานสามารถเรียนรู้ตามได้ง่ายและสะดวก
  • ผู้อำนวยการและครู เป็นผู้รู้ เป็น "ครู" (เป็นวิทยากร) ในการขับเคลื่อนฯ อย่างถูกต้อง 
  • มีผลงานการขับเคลื่อนสู่โรงเรียนอื่น และชุมชนท้องถิ่น 
  • มีศรัทธาต่อ ปศพพ. ด้านการศึกษา  เป็นคนดีมีคุณธรรม น้อมนำหลักศาสนามาใช้ ภูมิใจในตนเองและท้องถิ่น รักความเป็นไทย เคารพเทิดทูลในหลวง ห่วงใยรักชาติ
สรุปสั้นๆ คือ เป็นผู้มีความสุข นั่นเอง.....

ผลสะท้อนจากคณะกรรมการฯ โรงเรียนบ้านไร่พวยมิตรฯ ยังไม่ได้ผ่านฯ เป็นโรงเรียนศูนย์ฯ ทันทีในวันนี้ เพราะยังมีสิ่งที่ยังขาดและต้องเติมเพิ่มให้อยู่ในระดับ "บั้นปลาย" ได้แก่

๑) ให้ทีมพี่เลี้ยง+มหาวิทยาลัย และทีมจากโรงเรียนเทศบาลวัดป่าเรไรฯ มาทำ Workshop และจัดทำกรอบการพัฒนาสู่การประเมินอีกครั้งหลังสิงหาคม ๒๕๕๗ นี้ โดยทางสำนักงานทรัพย์สินฯ ยินดีสนับสนุนงบประมาณ
๒) ให้ ผอ.และครูทุกคน เข้าร่วมการฝึกอบรม ปศพพ. กับหลักสูตรฯ ที่ อปท. กำลังจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้  (อบรม ๕ วัน)
๓) ให้ ผู้มีประสบการณเรื่องแผน (อาจเป็นศน. วิภา ร้อยเอ็ด) มาช่วยแนะนำเรื่องการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และทำให้เสร็จก่อนเปิดเทอมหน้า เพื่อจะได้ทดสอบใช้จริงทันเวลา ๑ เทอม....


๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔

แม้โรงเรียนบ้านไร่พวย มิตรภาพที่ ๑๘ จะไม่ได้รับการประกาศว่า "ผ่านทันที" แต่สามารถเรียกได้ว่า "ผ่านแบบมีเงื่อนไข" เงื่อนไขที่โรงเรียนจะต้องทำให้ได้ตามกำหนด ก่อนกรรมการชุดเดิมจะมาประเมินฯ อีกครั้ง ....

ความต่างระหว่าง "ผ่านแบบมีเงื่อนไข" กับการ "ไม่ผ่านตามกติกา" ที่ระบุว่า ต้องใช้งบประมาณจากสำนักงานเขตการศึกษาหากปรารถนาจะประเมินนั้น ทำให้ ผอ. และ ครู บ้านไร่ฯ มีพลังใจล้นเหลือครับ....(รวมทั้งผมด้วย)





 ดูรูปได้ที่นี่และที่นี่ครับ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น