บันทึก ๔ ตอนแรก ที่โรงเรียนเชียงขวัญเขียนส่งถึงทีมขับเคลื่อนฯ
สำหรับผมแล้ว เป็นบันทึกที่ดีมากๆ ดีที่สุดบันทึกหนึ่งที่ผมเคยอ่านมา
(ผมพูดประโยคเหล่านี้ หน้าเวทีก่อนจะเริ่มกิจกรรมด้วย) ดังนั้น
จึงน่าจะเป็นโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับทุกโรงเรียนที่กำลังขับเคลื่อนฯ
ที่จะเขียนเรื่องเล่าประสบการณ์ขับเคลื่อนของตนเอง
เพื่อแบ่งปันสู่กันและกัน... ผมจึงขอ "คัด ตัด มาวาง"
ผลงานของโรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม มาไว้ให้อ่านกันครับ
ตอนที่ ๑ ก้าวสู่การผลัดใบ
ตอนที่ ๒ ผลิดอก ออกช่อ
ผลิดอก
ออกช่อ
ภายหลังจากการได้รับการประเมินรับรองเป็นสถานศึกษาพอเพียงรุ่นแรกของกระทรวงศึกษาธิการภาระหน้าที่ที่จะก้าวต่อไปคือการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
เราต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เข้มแข็ง
พร้อมที่จะก้าวไปอย่างมั่นใจให้กับบุคลากร
นั่นคือเราได้สมัครใจเข้ารับการพัฒนาการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
จากโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ
สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับและมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์
โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นทางมูลนิธิสยามกัมมาจลร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีเป็นหน่วยพัฒนา
โดยมี อาจารย์อนันต์ แม้นพยัคฆ์
เป็นผู้ประสานงาน ในช่วงต้นของการเรียนรู้ มีการอบรมพัฒนาผู้บริหาร ครูแกนนำ
นักเรียนแกนนำ โดยเรียนรู้กระบวนการจัดการความรู้
ซึ่งวิทยากรที่ให้ความรู้แนวทางการพัฒนาดังกล่าวคือ อาจารย์ทรงพล
เจตนาวณิชย์
ผู้บริหารที่เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้แนวทางการบริหารตามหลัก SBM ( School Based
Management )
ครูที่เข้ารับการอบรมจะเรียกว่า ครู BP (Best Practices ) หรือครูแกนนำของแต่ละโรงเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นการอบรมที่มีความเข้มข้น ผ่านการฝึกปฏิบัติ ในงานนี้
หัวหน้าโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง โดยท่าน ดร. ปรียานุช ธรรมปิยา ร่วมกับท่านอาจารย์รจนา สินที
หัวหน้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สำนักกิจการพิเศษ สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้คัดเลือกผู้บริหาร และครู
จากสถานศึกษาพอเพียงทั่วประเทศเพื่อเข้ารับการอบรมเป็นวิทยากร
ขับเคลื่อนขยายผลปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต้องเขียนเรื่องเล่าการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตตนเอง
ซึ่งโรงเรียนของเราผู้ที่ผ่านการคัดเลือกคือ ผู้อำนวยการระวี ขุณิกากรณ์
และคุณครูฉลาด ปาโส
ได้เข้ารับการอบรมเป็นรุ่นแรกในจำนวน 40 คน ของกระทรวงศึกษาธิการ
ผลจากการได้รับการพัฒนาดังกล่าว
ทำให้ผู้บริหารและคณะครูมีความรู้ มีความเข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพิ่มขึ้นตามลำดับ
จึงทำให้โรงเรียนได้รับความไว้วางใจจากโรงเรียนต่างๆ มาศึกษาดูงาน
และการได้รับเชิญเป็นวิทยากรให้กับโรงเรียนต่างๆ
ที่ต้องการพัฒนาตนเป็นสถานศึกษาพอเพียง ในด้านการสร้างเครือข่ายก็เป็นเป้าหมายหนึ่งที่
ผู้อำนวยการระวี ขุณิกากรณ์
ให้นโยบายกับคณะครู
โรงเรียนได้เชิญชวนโรงเรียนใกล้เคียงในเขตพื้นที่อำเภอเชียงขวัญ
ที่สมัครใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายพัฒนาด้วยการจัดอบรมผู้บริหาร ครู
ในอำเภอเชียงขวัญจากการประสานงานของผู้อำนวยการนเรศร์สังฆพิลา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหมูม้น
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพอำเภอเชียงขวัญในขณะนั้น
จากการอบรมพัฒนาผู้บริหารและครูในอำเภอเชียงขวัญ
ทำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ดเขต 1 เห็นความรู้ความสามารถของผู้บริหาร
ครูแกนนำของโรงเรียนเรา ผู้บริหารและครูจึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นวิทยากรอบรมผู้บริหาร
ครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1
และมีโรงเรียนที่สนใจและสมัครใจเป็นเครือข่ายกับโรงเรียนด้วยการทำข้อตกลงร่วมกัน ( MOU ) ได้แก่
โรงเรียนเทศบาลวัดป่าเรไร
โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ธวัชบุรี
โรงเรียนบ้านป่านหนองอ้อ
โรงเรียนขี้เหล็กพิทยาคม โรงเรียนบ้านดงบังพิกุลศึกษาคาร โรงเรียนบ้านหมูม้น ส่งผลให้โรงเรียนเครือข่ายได้รับการประเมินผ่านเป็นสถานศึกษาพอเพียงในปีการศึกษา
2552
ผลจากการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องของเชียงขวัญพิทยาคม
ทำให้โรงเรียนมีเครือข่ายและสถานศึกษาทั่วประเทศ
เข้ามาเรียนรู้ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์กับเชียงขวัญพิทยาคม
เป็นการเพิ่มศักยภาพของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง และในปีการศึกษา 2553 มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีแผนพัฒนาครูแกนนำให้เรียนรู้กระบวนการวิจัย
เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนการสอน
เพื่อเป็นการยืนยันและสร้างความเชื่อมั่นให้กับการจัดการเรียนรู้บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
มูลนิธิสยามกัมมาจลได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นหน่วยพัฒนาครูแกนนำจากโรงเรียนที่เป็นสถานศึกษาพอเพียงที่สมัครใจเข้าร่วมพัฒนา
ซึ่งมีจำนวน 17 โรงเรียน
หนึ่งในจำนวนนั้นคือโรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคมของเราเอง
โรงเรียนได้มอบหมายให้ครูแกนนำที่ประกอบด้วยนายฉลาด ปาโส
นายแสน อนาราช นางสิรินุช
สุจริต และนางไพวัน ปาโส เข้าร่วมการพัฒนาร่วมกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งมีอาจารย์
รศ.ดร.เนาววัตน์ พลายน้อย
เป็นหัวหน้าทีมในการเรียนรู้งานวิจัยครั้งนี้มูลนิธิได้กำหนดแนวทางให้โรงเรียนทำการวิจัยอย่างน้อย
1 เรื่อง ต่อ 1 โรงเรียน
โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคมได้ตกลงร่วมกันทำการเรียนรู้บูรณาการกระบวนการวิจัยกับการเรียนการสอนคนละ
1 เรื่องตามปัญหาที่พบในรายวิชาที่สอน
ดังนั้นเราจึงได้เรียนรู้การทำการวิจัยการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบูรณาการการเรียนการสอนคนละ
1 เรื่อง ใช้เวลาในการพัฒนาพัฒนา 6
เดือน สถานที่พัฒนาคือโรงแรมในกรุงเทพมหานคร
เราทั้ง 4 คนต้องเดินทางเข้ารับการพัฒนา การอบรมจะเป็นช่วง วันเสาร์-วันอาทิตย์
ดังนั้นการเดินทางของเราจะเดินทางบ่ายวันศุกร์เดินทางกลับช่วงบ่ายสี่โมงของวันอาทิตย์ กลับถึงบ้านก็ประมาณ ตีหนึ่ง ตีสอง
และวันจันทร์ก็ไปทำงานตามปกติ เราพัฒนาตนเองอย่างนี้ 6 เดือน
และผลจากการพัฒนาจึงทำให้โรงเรียนได้ผลงานวิจัย 4 เรื่อง
- เรื่องที่ 1
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมโดยอาศัยหลักอรรถาธรรมเพื่อการเรียนรู้สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ผลงานของ นายฉลาด ปาโส
- เรื่องที่ 2
การพัฒนาการเรียนรู้ด้วยโครงงานวิทยาศาสตร์ที่ขับเคลื่อนโดยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ของ นายแสน อนาราช
- เรื่องที่ 3
การปลูกฝังค่านิยมตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโครงงานคุณธรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1 โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม ของ
นางสิรินุช สุจริต
- เรื่องที่ 4
การพัฒนาทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยหนังสือเล่มเล็ก
: กรณีศึกษาโรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม ของนางไพวัน
ปาโส
เราได้นำความรู้มาขยายผลที่โรงเรียนกับเพื่อนครู เพราะเราถือว่าการพัฒนาคือหัวใจของการศึกษา
เราจึงพัฒนาคนและพัฒนาองค์กร ทำให้ก่อนที่เราจะทำหน้าที่เป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง
ดังนั้นในช่วงนั้นคุณครูของเราจึงได้มีความเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงคือ 3
ห่วง ประกอบด้วย ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวและ 2
เงื่อนไข คือ เงื่อนไขความรู้ กับ
เงื่อนไขคุณธรรม
กระบวนการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบของเชียงขวัญพิทยาคม
คือการขับเคลื่อนโดยใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
และหลักสูตรโรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม พุทธศักราช 2552 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนที่สำคัญ
เพราะเราเชื่อว่าการที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ทั้งครูและนักเรียนให้ตระหนัก เข้าถึง เข้าใจ และนำหลัก ปศพพ.
ไปใช้ได้จริงและเกิดผล จะต้องผ่านกิจกรรมการเรียนการสอน ดังนั้นเพื่อกระบวนการพัฒนาที่เห็นผล
โรงเรียนจึงได้ดำเนินการเป็นแนวเดียวกันดังนี้
1. ด้านการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน
1.1
ประชุมครูทุกคนให้เข้าใจแนวปฏิบัติในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนการสอน
1.2
จัดอบรมครูเกี่ยวกับการจัดทำหลักสูตร และปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความครอบคลุม
และใช้เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระฯ ดังนั้นทุกกลุ่มสาระฯ
จึงมีหลักสูตรของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
1.3
จัดอบรมการจัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
วิทยากรคือครูแกนนำของโรงเรียนร่วมแลกเลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
1.4
ครูแต่ละคนจะมีแผนบูรณาการอย่างน้อยคนละ ๑ รายวิชา
1.5
ครูนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้นไปใช้จัดการเรียนการสอน
1.6
ครูมอบหมายให้นักเรียนถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในรายวิชา
ที่สอน
ส่งผลให้นักเรียนของเรามีหลักคิดหลักปฏิบัติตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
2. ด้านนักเรียน
2.1
โรงเรียนจัดอบรมนักเรียนแกนนำ
โดยคัดเลือกนักเรียนตัวแทนห้องเรียนละ 5 คน เข้า
ร่วมประชุมอบรมและฝึกปฏิบัติการวิทยากรครูคุณครูแกนนำของโรงเรียน
2.2
มอบหมายให้นักเรียนแกนนำที่ผ่านการอบรมขยายผลสู่เพื่อนในห้องเรียนในรายวิชาต่างๆ
เช่น การถอดบทเรียนจากเรื่องที่เรียน
การทำหนังสือเล่มเล็กที่สอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
2.3
ส่งเสริมนักเรียนแกนนำเป็นวิทยากรให้ความรู้
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนนักเรียน ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
2.4
ส่งเสริมให้นักเรียนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ไปประยุกต์ใช้ที่บ้านและชุมชนของตนผ่านโครงการบ้านน่าอยู่เคียงคู่เศรษฐกิจพอเพียง
และกิจกรรมการถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. ด้านโรงเรียน
3.1
ส่งเสริมให้ครูทุกคนเรียนรู้และพัฒนาตนเองและสามารถเป็นวิทยากร
3.2
พัฒนาสภาพแวดล้อมและบริบทเอื้อต่อการเรียนรู้
จัดเป็นฐานการเรียนรู้ที่ในห้องเรียนและนอกห้องเรียนในห้องเรียนเน้นห้องเรียนคุณภาพ
3.3
ขยายผลสู่โรงเรียนเครือข่ายทั้งภายในจังหวัดร้อยเอ็ดและต่างจังหวัดทั่วประเทศ
3.4 ขยายผลสู่ผู้ปกครองและชุมชนของโรงเรียน
โดยมีโครงการบ้านน่าอยู่เคียงคู่เศรษฐกิจพอเพียง
ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนนำความรู้เกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้
ในชีวิตจริงและเชื่อมโยงถึงผู้ปกครองไปพร้อมๆ กัน
ปาริชาตเบ่งบาน
การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อเป็นการปลูกหลักคิด
หลักปฏิบัติให้กับลูกศิษย์ เพื่อหวังผลที่จะเกิดกับนักเรียนทุกๆ
คนตามศักยภาพของการเรียนเรียนรู้ทั้ง ผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ของคุณครูในแต่ละรายวิชา
ที่นำหลักการบูรณาการลงสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ลูกศิษย์ทุกคนเป็นคนดี มีปัญญา
ดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข
ดุจดั่งดอกปาริชาติซึ่งเป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนของเราที่ผลิดอกออกช่อและแย้มบานอย่างงดงาม
ชูช่อล้อลมชวนชมสำหรับผู้มาเยือน
ดังนั้นภาพที่เห็นคือนักเรียนทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุข ครูมีส่วนร่วมสนับสนุนติดตาม
ความสุขที่ได้คือภาพของนักเรียนทำกิจกรรมจากประสบการณ์จริง
ได้เห็นผลงานพืชผักที่สวย เกิดดอกออกผลได้กินได้จำหน่าย ได้แบ่งปันซึ่งกันและกัน
นั่นคือความสุขที่เกิดจากสิ่งที่ทุกคนมีส่วนร่วม
ด้วยในเวลานั้นเป็นสถานศึกษาพอเพียง
โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคมจึงเป็นที่สนใจของโรงเรียนต่างๆทั้งภายในเขตพื้นที่การศึกษา
และในจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมทั้งต่างจังหวัด
ดังนั้นโรงเรียนจึงต้องพัฒนาและเตรียมความพร้อมในด้านโรงเรียนเป็นแหล่งศึกษาดูงาน ผู้บริหาร ครู
และนักเรียนเป็นวิทยากร
การนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้นักเรียนได้เรียนรู้บทบาทและภารกิจของเราเชียงขวัญพิทยาคม
คือ
1.โรงเรียนทำหน้าที่ขยายผล
คือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา
2.โรงเรียนได้รับโอกาสดีๆ
จากโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง และมูลนิธิสยามกัมมาจล
ธนาคารไทยพาณิชย์ในการพัฒนาผู้บริหาร ครูและนักเรียน
ท่านผู้อำนวยการระวี ขุณิกากรณ์เป็นผู้บริหารที่มองการณ์ไกล
และมอบโอกาสดีๆ
ให้กับโรงเรียนและบุคลากรในด้านพัฒนาและส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับบุคลากรทุกๆ
คน ในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา
สิ่งแรกที่ท่านผู้อำนวยการสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคลากรทุกคนคือ ส่งเสริมให้บุคลากรทำหน้าที่เป็นวิทยากร
ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน
โดยทางเราทำหน้าที่เป็นวิทยากรกับครูและโรงเรียนที่ประสงค์จะสมัครรับการประเมินเป็นสถานศึกษาพอเพียงรุ่นที่
2 ในปีการศึกษา 2552
ดังนั้นโรงเรียนจึงทำหน้าที่ทั้งเป็นสถานที่ศึกษาดูงาน ทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้กับ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ด เขต 1
ทำหน้าที่เป็นผู้จัดอบรมให้กับโรงเรียนและครูที่สมัครใจร่วมเรียนรู้กับชาวเชียงขวัญพิทยาคม โดยโรงเรียนได้ใช้คำว่า “เรียนรู้ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์”แทนคำว่ากาอบรม รูปแบบการขยายผลของเรา จะขยายผลไปพร้อมๆ กันทั้งองค์กร นั้นคือ
ฝ่ายบริหาร ครู และนักเรียน
ซึ่งเราใช้คำว่า เวทีผู้บริหาร เวทีครู
และเวทีนักเรียน เมื่อโรงเรียนที่มาศึกษาดูงานหรือโรงเรียนมาประสานมาเพื่อให้เชียงขวัญพิทยาคมไปเป็นวิทยากร
เราจะแนะนำให้โรงเรียนต่างๆ เหล่านั้นจัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปพร้อมๆ
กันทั้งสามเวที
หลักการง่ายๆ
ที่เชียงขวัญพิทยาคมใช้เป็นรูปแบบของการขยายผลในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงคือ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ตรงกัน เพราะแต่ละคนก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า
เศรษฐกิจพอเพียง แตกต่างกันตามมุมมอง ส่วนมากจะมองว่า
เศรษฐกิจพอเพียงคือการทำกิจกรรมด้านการเกษตรเป็นส่วนใหญ่
เพื่อเป็นการทำความเข้าใจของคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
เครื่องมือที่เชียงขวัญพิทยาคมทำให้ผู้มาศึกษาดูงานเข้าใจนิยามของคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงขององค์ในหลวงได้ชัดเจน
และอุทานว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง คือการถอดบทเรียน
การถอดบทเรียนหรือพูดให้เข้าใจง่ายในรูปแบบของเชียงขวัญพิทยาคมก็คือ
การคิดทบทวนกระบวนการทำกิจกรรมหรือวิธีการทำงานของตนเองทำได้ดี ทำได้สำเร็จ
ทำแล้วเกิดความภูมิใจ เป็นต้นแบบคนอื่นได้ มีการ เชื่อมโยงกับหลัก 3 ห่วง 2
เงื่อนไข และส่งผลสู่ความยังยืนใน 4 มิติอย่างไร
และเน้นย้ำว่า ต้องเป็นกิจกรรมที่ทำและงานนั้นบรรลุผลแล้ว
ผู้อ่านอาจจะสงสัยอยู่ว่า
ทำไมจึงต้องถอดบทเรียนเกี่ยวกับสิ่งตนเองทำได้ดี ทำประสบความสำเร็จ
หรือบรรลุเป้าหมาย ก็เราถือหลักการว่า
คนทุกคนย่อมพึงพอใจหรือหากจะเล่าอะไรสักเรื่อง
ย่อมคิดถึงเรื่องที่ตนเองประสบความสำเร็จ ทำให้มีความสุขในการเล่าหรือพร้อมที่จะเล่าหรือถอดบทเรียนตนเองให้คนอื่นฟังเสมอ
ดังนั้นเมื่อทุกคนได้ถอดบทเรียนหรือถอดประสบการณ์ที่ตนทำ
และเชื่อมโยงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะทำให้ทุกคนเข้าใจว่า
หลักการหรือแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงนั้นแทรกซึมอยู่ในกระบวนการทำงาน การดำเนินชีวิตของคนเราทุกคน
หากใครคนใดคนหนึ่งทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่ครบในหลัก 3 ห่วง 2
เงื่อนไขแล้วความสำเร็จค่อนข้างจะไม่บรรลุผลนัก
พอทุกคนที่มาร่วมเรียนรู้กับวิธีการของเราแล้วจะเข้าว่าทันทีว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นกระบวนการคิด
เป็นวิธีคิด วิธีปฏิบัติอย่างมีหลักการ ก่อนทำสิ่งใดให้ต้องคำนึงถือเหตุผลที่ถูกต้อง สิ่งนั้นมีความเหมาะสมกับความสามารถ ความรู้
สติปัญญาของตนหรือไม่ เหมาะกับเวลา เหมาะกับโอกาส
หรือพอประมาณกับภูมิสังคมหรือเปล่า
และที่สำคัญสิ่งที่ทำนั้นไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน ก่อนทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ วางแผนให้ครอบคลุม
เมื่อทำแล้วมีความล้มเหลวหรือผิดพลาดน้อยที่สุดนั้นคือการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และเงื่อนไขสำคัญคือ
การทำสิ่งนั้นต้องมีความรู้ในเรื่องที่ทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาและหลักศีลธรรม
นั่นก็คือผู้ที่ทำต้องมีคุณธรรมกำกับใจตนเองเสมอ พูดให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ก็คือ
คุณธรรมเป็นเหมือนหางเสือที่ควบคุมทิศทางการแล่นไปของเรือฉันใด
คุณธรรมที่กำกับใจย่อมเป็นคุณธรรมกำกับการกระทำของบุคคลให้ทำภารกิจนั้นสำเร็จฉันนั้น
หากคิดกลับทางหรือมองกลับด้านและตั้งคำถามถามกลับว่า ภารกิจหรืองานของเราที่ทำมาแล้วไม่บรรลุเป้าหมายที่ตังไว้
หรือพูดให้เข้าใจคือล้มเหลว
เมื่อถอดบทเรียนหรือคิดทบทวนถึงกระบวนการทำที่ผ่านมา
สิ่งนั้นขาดหลักการใดในของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อาจจะขาดความรู้ความเข้าใจเท่าที่ควรดังนั้นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ก็คือ หลักคิด หลักปฏิบัติ หลักในการช่วยตัดสินใจ
ที่ผู้ปฏิบัติควรคำนึงและมีสติกำกับตนเอง ถ้าเราทำสิ่งใดบนหลัก 3 ห่วง 2
เงื่อนไข นั่นคือเรามีและใช้หลักพอเพียงนั่นเอง
และทราบภายหลังต่อมาโรงเรียนที่มาร่วมเรียนรู้กับเชียงขวัญพิทยาคมก็ยกระดับพัฒนาสถานศึกษาของท่านจากโรงเรียนทั่วไปเป็นสถานศึกษาพอเพียง
ท่านที่เป็นสถานศึกษาพอเพียงก็ยกระดับขึ้นเป็นสถานศึกษาพอเพียงต้นแบบ
และบางโรงเรียนก็พัฒนาได้รับการประเมินรับรองเป็นศูนย์การเรียนรู้
และที่สำคัญโรงเรียนหรือสถานศึกษาเหล่านั้นก็เป็นสถานที่ศึกษาดูงานให้กับพี่น้องโรงเรียนต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้นท่านจึงเป็นส่วนหนึ่งในการขยายผล ปศพพ.
แผ่เป็นวงกว้างออกไป ท่านผู้บริหาร และคุณครูผู้เป็นนักสร้าง สร้างคนดี
สร้างคนเก่ง สร้างโรงเรียนเป็นโรงเรียนคุณภาพแผ่ขยายไปไม่มีที่สิ้นสุด
ประดุจดอกปาริชาตเบ่งบาน สร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนมนุษย์
ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยทุกคน
ช่วงนี้ขอสรุปว่า
วิธีการที่โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคม
เป็นแหล่งศึกษาดูงานให้กับโรงเรียนที่ต้องการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาด้วยการทำความเข้าใจให้ตรงกันโดยใช้กระบวนการถอดบทเรียน นำสู่การเรียนการสอนโดยการบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงลงในหลักสูตรสถานศึกษา
และพัฒนากระบวนการคิดให้กับนักเรียนด้วยการถอดบทเรียนจากกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเราคิดและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ถือหลักที่ว่า เติมน้ำวันละนิด เติมไปทุกวันน้ำย่อมเต็มแก้ว เต็มตุ่มฉันใด
ลูกนักเรียนหรือแม้ตัวเราเฉกเช่นกัน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นนามธรรมเห็นผลได้ด้วยการนำมาปฏิบัติ
จึงจะสัมผัสได้ว่า เป็นปรัชญาที่ทรงคุณค่าหาที่เปรียบมิได้
สมสง่าแห่งความเป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา...คือความยั่งยืน
ความยั่งยืนจะคงอยู่น่านเท่าไรแค่ไหนนั้นวัดจาก ความสม่ำเสมอของการนำหลักปศพพ.
ทั้งด้านการบริหาร การจัดการเรียนการสอน
และการส่งเสริมให้นักเรียนนำไปใช้ในการเรียนรู้และชีวิตประจำวันเพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียง
ดังนั้นเส้นทางพัฒนาของสถานศึกษาพอเพียงขั้นที่ 3
คือการก้าวสู่ความเป็นศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
คำโบราณกล่าวไว้ว่า
ไม่มีสิ่งใดได้มาอย่างง่ายดาย
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าคำกล่าวนี้จริงหรือไม่
สำหรับเชียงขวัญพิทยาคมได้พิสูจน์แล้วว่า คำกล่าวนั้นเป็นความจริง
ท่านอาจจะสงสัยเป็นจริงอย่างไรขอนำเสนอกระบวนการของเราเล่าสู่ท่านผู้อ่านดังนี้
สิ่งแรกเราพบว่า
การเกาะติด การให้ความสำคัญกิจกรรมโครงการ
การได้รับโอกาสดีจากหน่วยงาน
องค์กรที่ท่านดูแลและเป็นผู้ส่งเสริมการขับเคลื่อน อย่างเชียงขวัญพิทยาคมได้รับคือ
การได้รับโอกาสและการส่งเสริมจากโครงโครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง
สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่มีท่านดร.ปรียานุช ธรรมปิยา เป็นหัวหน้าโครงการ สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีท่านรจนา สินที และนางสาวพิมพ์ชนก มงคลรัตน์
เลขานุการคณะกรรมการศูนย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง กระทรวงศึกษาธิการ ที่ท่านได้เป็นผู้ประสานงานกับโรงเรียนมาโดยตลอด และมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณปิยาภรณ์มัณฑะจิตร กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล คุณศศินี
ลิ้มพงษ์
ผู้จัดการโครงการพัฒนาเยาวชนตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิสยามกัมมาจล ที่ได้สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้โรงเรียนด้วยดีตลอดมา และองค์กรและหน่วยงาน
และบุคคลสำคัญที่กล่าวมา
ได้ร่วมกันขับเคลื่อนและจัดทำโครงการอบรมพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการที่โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคมได้รับโอกาส
และเราก็ตอบสนองโอกาสที่องค์กรดังกล่าวหยิบยื่นให้ คำว่า ปฏิเสธ
รอไว้โอกาสหน้า
จึงไม่มีสำหรับเรา
ดังนั้นในการพัฒนาบุคลากรไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู
และนักเรียน
ที่จัดขึ้นโรงเรียนจะส่งครูหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าไปเรียนรู้เสมอ
เพื่อเป็นการเติมพลังและสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียน
สิ่งที่สอง คือ
การขยายผล
คือหลังจากที่ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เข้ารับการอบรมมาแล้ว ท่านผู้อำนวยการระวี ขุณิกากรณ์ มีนโยบายคือ
ให้ทำการขยายผลสู่เพื่อนครู เช่น
อบรมปฏิบัติการ นำเสนอ
ในการประชุมประจำเดือน แล้วแต่โอกาส
ดังนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน และครูทุกคนสามารถพัฒนาตนเองเป็นวิทยากรเต็มตามศักยภาพของแต่ละคนทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
สิ่งที่สาม คือ การเตรียมความพร้อม คือบุคลากรต้องเตรียมพร้อม
การเตรียมพร้อมของเราคือการนำหลักการของ ปศพพ. ไปประยุกต์ใช้ในงานที่รับผิดชอบ
เช่นจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้บูรณาการ การเรียนการสอนแบบสอดแทรกหลักคิด
3 ห่วง 2 เงื่อนไข
ผ่านกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
และการส่งเสริมให้นักเรียนคิดเชื่อมโยงถึงผลที่จะเกิดขึ้นสู่ 4 มิติ คือด้านวัตถุ
ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม
และด้านวัฒนธรรม จากที่ครูได้เสริมสร้างหลักคิดสู่นักเรียนทุกสาระการเรียนรู้
และยังให้นักเรียนฝึกคิดทบทวนหรือคิดย้อนกลับถึงกระบวนการเรียนรู้กระบวนการทำงาน
ด้วยกระบวนการถอดบทเรียนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างซึมลึก จึงส่งผลให้ครู
นักเรียนเกิดกระบวนการคิดและตัดสินใจที่ยึดหลักพอเพียงในตนเอง
ซึ่งเราถือว่าเป็นการพัฒนาทักษะการคิดให้กับบุคลากรของเชียงขวัญพิทยาคม
ที่กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นการสร้างความยั่งยืนและการเตรียมพร้อมภายในองค์กรของเรา
เพื่อเป้าหมายของโรงเรียนที่จะรับการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา
ในส่วนการมีส่วนร่วมพัฒนาโรงเรียนเครือข่าย เชียงขวัญพิทยาคมได้รับความไว้วางใจ
ได้รับความเชื่อถือ และเชื่อมั่น จากสถาบันการศึกษาทั้งในระดับมหาวิทยาลัย ระดับโรงเรียน
และสถานบันของชุมชนท้องถิ่นในการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์เพื่อนำไปพัฒนา เราถือหลักว่าการพัฒนาองค์กรในทุกวันนี้
การสร้างเครือข่ายคือเครื่องมือสำคัญของการพัฒนา
ด้วยความเป็นกัลยาณมิตรทางด้านวิชากร
จึงทำให้เราได้รับโอกาสจากสถานบัน
โรงเรียนตั้งแต่ระดับโรงเรียนขนาดใหญ่
จนถึงขนาดเล็กมาร่วมเรียนรู่กับเราและให้เราออกไปเรียนรู้กับโรงเรียนท่าน
จากการเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยกระบวนการวิจัยที่ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ทำให้มีความรู้ความเข้าใจหลักคิดยิ่งขึ้น
รวมทั้งได้เรียนรู้วิธีการบูรณาการยิ่งขึ้นเช่นกัน
จากผลงานตรงนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ครูทั้ง
4 ท่านนี้
ได้นำสู่เพื่อนครูในโรงเรียนและเพื่อนครูต่างโรงเรียนที่มาเรียนกับเราเอง และการนำเสนอผลงานผ่านตลาดนัดความรู้ที่ทางมูลนิธิฯ จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมไบเทค
บางนา และอีกสถาบันหนึ่งที่เป็นหน่วยขับเคลื่อนและพัฒนาครูในการนำ หลัก
ปศพพ.สู่การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคือ
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เราได้รับการส่งเสริมการพัฒนาครูเกี่ยวกับการการจัดทำแผนการเรียนรู้บูรณาการที่เน้นการจัดการความรู้ด้วยกระบวนการถอดบทเรียนตามหลักปศพพ. มีท่านอาจารย์อนันต์ แม้นพยัคฆ์
เป็นผู้ประสานงานและมาดูแลโรงเรียนเป็นประจำ
ส่วนท่านวิทยากรที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการเสริสร้างอุปนิสัยพอเพียง และการจัดการความรู้
(Knowledge Management: KM)
โดยเครื่องมือที่เรียกว่า
การถอดบทเรียน หรือถอดประสบการณ์งานที่สำเร็จและภาคภูมิใจ เวทีนี้ โรงเรียนให้ครูแกนนำกลุ่มสาระการเรียนรู้ละ
2 คนเข้าร่วมเรียนรู้
เราจึงมีครูแกนนำจำนวน 16 คน นำความรู้มาใช้และขยายผลเพิ่มขึ้น
ในโอกาสที่ท่านกำลังอ่านเรื่องเล่าเล่มนี้
โรงเรียนเชียงขวัญพิทยาคมจึงขอกราบขอขอบคุณผู้บริหาร คณะครู
นักเรียน จากโรงเรียนต่างๆ ที่มาร่วมเรียนรู้กับเราและให้เราไปเป็นวิทยากร
ทำให้เราได้พัฒนาตนเองเพิ่มศักยภาพความเข้มแข็ง และเราก็ยินดีที่ได้รับโอกาสเหล่านั้นจากท่านทุกโรงเรียนและคิดว่า
ดอกปาริชาตคงเบ่งบาน ชูช่อ สมสง่าในใจคนพอเพียงทุกคน