วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ฅนค้นครู (เกษตร) (๐๑) : อ.ธวัช ชินราศรี

วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ทีมขับเคลื่อนอิสระ "ฅนค้นครู" ไปเรียนรู้กับ อ.ธวัช ชินราศรี หนึ่งในอาจารย์ผู้สอนรายวิชา ๐๐๓๒๐๐๕ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สำนักศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ...ได้คลิปเหล่านี้มาเผยแพร่ครับ

ท่านใดสนใจเชิญไปเรียนรู้กับท่านเองเถิดครับ ไม่ได้หวังว่าท่านจะรู้เรื่องเข้าใจ หรือได้อะไรจากคลิปนี้ แต่เป็นความประสงค์ดีที่จะแนะนำ เพราะท่าน อ.ธวัช เอง ท่านก็เป็นคนยินดีเผยแพร่แด่ผู้มีศรัทธาต่อการสืบสานพระราชปณิธาน ร.๙ ครับ





สิ่งที่ผมประทับใจ ได้เรียนรู้หลายอย่าง และเกิดแรงบันดาลใจมากขึ้น ที่ประทับใจที่สุด คือหลักการออม ๔ ประการ คือ ออมน้ำ ออมดิน ออมพืช ออมสัตว์ ดังจะอธิบายพอสังเขป ตามที่ตนเข้าใจจากการฟัง ดังนี้

๑) ออมน้ำ

ขั้นแรกต้องออมน้ำก่อน ท่าน "ทำให้ดู" ว่าเกษตรทฤษฎีใหม่ ใช้ได้จริง ท่านใช้ทฤษฎีนี้คำนวณว่าจะต้องขุดบ่อน้ำร้อยละ ๓๐ ของพื้นที่ โดยคำนวณว่า น้ำจะลดลงวันละ ๑ เซนติเมตร และเมื่อรู้ว่าตนเองจะต้องใช้น้ำวันละกี่ลิตร ต้นไม้แต่ละต้นต้องกินน้ำวันละหรือเดือนละกี่ลิตร (ท่านเรียนเกษตร เป็นอาจารย์สอนเกษตร) ท่านก็สามารถคิดคำนวณได้ว่า ต้องขุดลึกเพียงใด  เช่น ณ ที่แห่งนี้ "สวนครูผู้เรียนรู้" ท่านต้องขุดลึกถึง ๔ เมตรกว่า เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำตามต้องการ

๒) ออมดิน

เมื่อมีน้ำ สิ่งที่ท่านให้ความสำคัญอันถัดมาคือการ รักษาและบำรุงดิน ด้วยการปลูกไม้ ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง หรือก็คือปลูกป่า หญ้าไผ่ และไม้หลากหลายชนิด รักษาหน้าและเนื้อดิน ที่ท่านทำมากขณะนี้คือ การทำปุ๋ยหมักจากอินทรีย์วัตถุบำรุงดิน โดยเฉพาะการทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกองตามสูตร วิศวะแม่โจ้ ๑ (สนใจคลิกที่นี่)

๓) ออมพืช

นอกจากจะออมพืชไปพร้อมๆ กับการออมดินด้วยการปลูกไม้ ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง แล้ว ดินดีที่ได้จากการออม ท่านยังเอามาลงทุนปลูกพืชเศรษฐกิจที่กำลังเป็นที่นิยม คือ แตงเมลล่อน ดังที่เห็นในคลิปครับ ดินที่ใช้คือดินจากปุ๋ยหมักจากฟางข้าวที่ออมไว้กองละ ๖ เดือน

๔) ออมสัตว์

การออมสัตว์ทำให้วงจรของชีวิตสมบูรณ์และสมดุลภายใน การออมสัตว์จะให้ดอกเบี้ยงรายวันเป็นมูล เช่น มูลโค แพะ ฯลฯ เมื่อได้มูลโค ท่านเอาไปแช่น้ำปั้นหมาดไปเลี้ยงใส้เดือน เวลา ๑ เดือนผ่านไป มูลโคกะละมังละ ๘ กิโล จะกลายเป็นมูลใส้เดือน ๘ กิโล แถมยังได้ใส้เดือนเพิ่มขึ้นกะละมังละ ๑๐๐ ตัว ปุ๋ยเหล่านี้ที่ได้นี่เองที่ทำให้แตงเมลล่อนของท่านงามและสมบูรณ์ยิ่ง ....

ผมตั้งใจยิงคำถามที่ค่อนข้างเสียมารยาทเกี่ยวกับรายได้ แต่เพื่อจะใช้คลิปนี้สร้างแรงบันดาลใจ สำหรับนิสิตลูกชาวบ้าน (อย่างผม) ที่ยังพอมีที่นาที่ไร่ให้เก็บไว้ อย่าเพิ่งขาย เพราะโลกในยุคต่อไป ประเทศไทยจะเด่นเรื่องที่สุดเรื่องการผลิตอาหารสะอาด และใครที่มีชีวิตแบบนี้ จะมีเวลาและศรัทธาเดินสู่ทางสายเอกมากกว่า ... ผมเชื่อย่างนั้น

ท่านตอบสั้นๆ ว่า  ลองคิดง่ายๆ ลำพังแค่การเลี้ยงใส้เดือน เอามูลโคมาทำเป็นมูลใส้เดือน กะละมังหนึ่งก็ได้ ๕๐๐ บาท ต่อเดือน ผมลองนับดูคร่าวๆ มีอยู่ราวๆ อย่างน้อย ๒๐ กะละมัง ที่ท่านวางอยู่ที่พื้นและบนชั้นกรง ... แค่นี้ก็เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท แล้ว

ตอนท้ายท่านยังบอกว่า เป็นนิสิตก็เรียนรู้ได้ ลองทำได้ เริ่มจากง่ายๆ ก่อน เช่น ไปหาตู้ลิ้นชักเก่าๆ มาลองเลี้ยงใส้เดือนขาย  หากตั้งใจจริง ทุกสิ่งสำเร็จได้ แต่สำคัญคือเราได้เรียนรู้

ไปเยี่ยมท่านครั้งนี้ ผมได้ประโยชน์สุด มีของดี ได้สิ่งที่ดี โอกาสที่ดี จึงนำมาแบ่งปันครับ

เจอกันใหม่ตอนต่อไปครับ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น