วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

SEEN มหาสารคาม _๐๔ : ประเมินโรงเรียนประชาพัฒนา

บ่ายวันที่ ๒๐ พฤษฎาคม ๒๕๕๗ คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ของ สพม.เขต ๒๖ มหาสารคาม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประเมินโรงเรียนประชาพัฒนา ๑ ใน ๗ โรงเรียนต้นแบบที่อาสาจะพัฒนาตนเองไปสู่โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

โรงเรียนประชาพัฒนาเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง ปัจจุบันมีนักเรียน ๔๘๑ คน เป็น ม.ต้น ๒๔๒ คน ม.ปลาย ๒๓๙ คน  บุคลากร ๓๘ คนเป็นข้าราชการ ๒๙ คน พนักงานราชการ ๔ คน เจ้าหน้าที่ธุรการ ๑ คน ผู้บริหาร ๑ คน และลูกจ้างประจำ ๒ คน ข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ อ่านได้ที่นี่  หรือติดต่อทาง FB ได้ที่นี่

ผอ. บุญทัน วัฒนศักดิ์สุรกุล เป็นผู้หญิงแกร่ง  ก่อนถึงวันประเมินฯ ผมสังเคราะห์จากคำที่เพื่อน ผอ. ต่างๆ กล่าวถึงท่าน กล่าวถึงความมุ่งมั่นเอาจริง จนสามารถพาโรงเรียนผ่านการประเมินโรงเรียนสุขภาพระดับเพชร และอีกหลายรายการ  ทำให้ผมคิดถึงแม่อิ๋ว ผอ.ชนิตา กุลสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดป่าเรไร จ.ร้อยเอ็ด ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ ในเขตอีสานตอนบน

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของโรงเรียนนี้ที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนคือ ปรัชญาของโรงเรียนเป็นบทกลอน ผอ.บุญทัน เล่าว่า หลวงปู่ศรีมหาวีโร ผู้อุปถัมภ์โรงเรียน มาพิจารณา(จากภายใน) และมอบปรัชญานี้ให้กับโรงเรียน

รู้หน้าที่ รู้เวลา รู้ฐานะ
อุตสาหะ พยายาม นำถูกหลัก
ปฏิบัติ ทั้งอ่าน-เขียน ตามประสงค์
เจตจำนง เพื่อเชิดชู ชาติศาสน์กษัตริย์

ผอ.บุญทัน กล่าวอย่างภูมิใจว่า นี่คือ "อุปนิสัยพอเพียง" ทำให้โรงเรียนยึดมั่นใน "วิถีพอเพียง" ตลอดมา ดังจะเห็นได้จากการกำหนด "วิสัยทัศน์" และ "อัตลักษณ์" ของโรงเรียน ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมตีความว่า

"รู้หน้าที่ รู้เวลา รู้ฐานะ" เรียกว่า "พอประมาณ"
"อุตสาหะ พยายาม นำถูกหลัก" คือให้มี "คุณธรรม และ ความรู้"
"ปฏิบัติ ทั้งอ่าน-เขียน ตามประสงค์" สะท้อนว่า ต้องศึกษาและปฏิบัติให้บรรลุตามประสงค์ คือ มี "เหตุผล" ในการทำ
"เจตจำนง เพื่อเชิดชู ชาติศาสน์กษัตริย์" อันนี้สำคัญ หาก ๓ สถาบันนี้เข้มแข็ง ประชาชนหรือทุกคนก็อยู่รอด เป็นสุขได้ ....










สิ่งที่ประทับใจและขอยกย่องเป็น Best Practice สำหรับโรงเรียนที่กำลังขับเคลื่อน ปศพพ. คือ การจัดแหล่งเรียนรู้ห้องสมุด โดยเฉพาะแหล่งเรียนรู้ผลงานของในหลวงและสมเด็จพระเทพฯ และการบูรณาการงานศิลปะกับการขับเคลื่อนฯ เช่น การทำสมุดเล่มเล็กเกี่ยวกับโครงการหลวงต่างๆ ฯลฯ .....  ตรงนี้ต้องระวังจะตกร่อง "ชิ้นงาน" ติดอยู่ "ในตู้พระไตรปิฎก" เหมือนในวัดบางที่ ที่หลักธรรมดีๆ ไม่มีผู้ใดไปเปิดตู้มาศึกษาเลย...







นอกจากจะมีหนังสือและวารสารที่น่าสนใจแล้ว ทางโรงเรียนยังมีโครงการส่งเสริมการ "รักการอ่าน" เช่น "กระเช้าชวนอ่าน"  ที่นักเรียนที่รับผิดชอบจะหาบหนังสือและวารสารที่น่าสนใจ ไปให้นักเรียนตามม้าหินอ่อนใน "ห้องสมุดธรรมชาติ" หรือในสวนป่าหลังโรงเรียน ที่เตรียมไว้เอื้อต่อการเรียนรู้อย่างยิ่ง ... เมื่อโรงเรียนและคุณครูใส่ใจ ให้ความสำคัญแบบนี้ ประโยชน์จึงได้เกิดมีกับลูกหลาน เกิดอุปนิสัย "ใฝ่เรียนรู้ " เป็นผู้ "รักการอ่าน"








ข้อสะท้อนผลการประเมิน โดยใช้กรอบวิธีคิดที่ได้กล่าวไว้แล้วในบันทึกที่ผ่านมา ที่นี่

  • โรงเรียนมีความพร้อมด้านกายภาพ การจัดการสื่อและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ดีมาก เป็นไปตามมาตรฐานของโรงเรียนในฝันต้นแบบ
  • ครูแกนนำที่เป็นตัวแทน รู้ เข้าใจ และสามารถนำไปปฏิบัติกับตนเองและครอบครัว และสามารถนำมาขยายผลให้กับนักเรียน โดยเฉพาะมิติทางวัตถุ/เศรษฐกิจ เช่น การออมผ่านโครงการธนาคารโรงเรียน แต่ในมิติอื่นๆ ยังไม่ชัดเจนเชื่อมโยงมากนัก
  • นักเรียนแกนนำมีพัฒนาการในการขับเคลื่อนฯ อยู่ในระดับ นิยาม และ ตีความหลัก ปศพพ. สู่การปฏิบัติ การนำไปปรับใช้จนสามารถอธิบายขยายผลได้ยังไม่ชัดเจน
  • บทบาทของครูน่าจะอยู่ในระดับที่ ๑ และ ระดับที่ ๒ สังเกตจากผลงานการนำเสนอ "หนังสั้น" ของเด็ก สะท้อนว่า ครูยังไม่เน้นให้นักเรียนเป็น "ผู้สร้างองค์ความรู้เองด้วยการลงมือปฏิบัติ" คือ กระตุ้นให้นักเรียนได้ฝึก "คิดเอง ฝึกทำ ฝึกแก้ปัญหา ฝึกนำเสนอ"
ข้อเสนอแนะ
  • "ถอดบทเรียน" ให้มากขึ้น และต่อเนื่อง
  • สร้างกระบวนการขับเคลื่อนอย่างมีส่วนร่วม ที่ครูทั้งโรงเรียนได้เรียนรู้ เข้าใจ "ความหมาย" และเห็น "คุณค่า" มุ่งสู่เป้าหมาย ไปพร้อมๆ กัน 
  • ครู "ถอย" ออกมาเป็น "ครูฝึกก" เน้นให้นักเรียนได้ เรียนรู้แบบรู้จริง ผ่านการปฏิบัติ สะท้อนผล นำเสนอ ด้วยตนเองมากขึ้น 
  • ขยายความสำเร็จและจุดเด่นที่มีอยู่ของโรงเรียน ครู และนักเรียน เช่น  
    • ส่งเสริมให้นักเรียนอ่านประวัติการทรงงาน และเรียนรู้ "หลักการทรงงาน" จากแหล่งเรียนรู้ห้องสมุด
    • ความเป็นโรงเรียนในฝันต้นแบบ ที่พร้อมด้านสื่อ ไอซีที และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านโครงงานบนฐานปัญหาจริงๆ ของชุมชน แล้วนำเสนอในลักษณะหนังสั้น ขยายผลสู่นักเรียนทุกคน ฯลฯ  ส่งเสริมงานของเด็กๆ เหมือนที่เคยทำมาตามคลิปด้านล่างนี้ให้มากขึ้นครับ

    • เปิดโอกาสให้สภานักเรียนหรือนักเรียนที่สนใจ ได้ศึกษา "กระบวนการ" ของ "โครงการโรงเรียนสุขภาพระดับเพชร" คือ ทดลองมอบหมายให้นักเรียน "ถอดบทเรียนโรงเรียน" เกี่ยวกับเรื่องนี้ 
    • ฯลฯ
  • จัดกระบวนการเรียนรู้อย่างครบวงจร Input-Output  เช่น ถ้าส่งเสริมการอ่าน ต้องส่งเสริมการเขียนด้วย เช่น จัดให้มีโครงการประกวดเรียงความ เป็นต้น 
 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘
 ป.ล. หากไม่เข้าใจ สงสัย อยากได้ความเห็นเพิ่มเติม สามารถอีเมล์มาถาม หรือโทรศัพท์หาผมได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น