ยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา คือการสรรและสร้างโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และใช้โรงเรียนศูนย์ฯ เป็นนั้นเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนฯ ขยายผลต่อไป โดยมีเป้าหมายให้ได้ ๙๐+ โรงเรียนในปี ๒๕๕๘ นี้ เครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนคือ "เกณฑ์ก้าวหน้า" ที่ยึดเป็นกรอบทิศทางประเมินตนเอง ซึ่งสรุปให้สั้นและเข้าใจได้ไม่ยากด้วยสูตร ๓-๔-๕ อ่านได้ที่นี่
หลังจากที่ได้ "รับนโยบาย" จาก ผอ.เขตฯ ตามที่เล่าให้ฟังในบันทึกที่แล้ว ศน.รพีพรรณ ได้แต่งตั้งผมเป็นหนึ่งในกรรมการประเมินความยั่งยืนของสถานศึกษาพอเพียง และกำหนดปฏิทินที่จะลงพื้นที่ประเมินโรงเรียนสถานศึกษาพอเพียงต้นแบบในวันที่ ๑๙-๒๑ และ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ นี้ ภารกิจคือการ คัดเลือก ๒ จาก ๗ โรงเรียนที่สมัครใจ เพื่อพัฒนาเป็นโรงเรียนศูยน์ฯ ภายในปี ๒๕๕๘ นี้ เมื่อรวมกับโรงเรียนที่กำลังขับเคลื่อนอยู่แล้วคือ โรงเรียนนาเชือกพิทยาสรรค์ และอีกสองโรงเรียนในโครงการขับเคลื่อนฯ ของมหาวิทยาลัยที่ร่วมกับมูลนิธิสยามกัมมาจล จะรวมเป็น ๕ โรงเรียน อย่างไรก็ตาม เราตกลงกันว่า เราจะส่งประเมินจริงเฉพาะโรงเรียนที่มีผลการขับเคลื่อนตามเกณฑ์ก้าวหน้าเท่านั้น ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็น ๑ ใน ๕ โรงเรียนนี้ หรือ ๑ ใน ๗ โรงเรียนที่สมัครใจเข้าขอรับการประเมินในครั้งนี้
หลังจากการประเมินเสร็จสิ้นแล้ว ผมมีความคิดว่า ควรจะเสนอผลสรุปการประเมินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทุกโรงเรียนได้เรียนรู้ร่วมกัน และนำประสบการณ์ของกันและกันไปพัฒนาและขับเคลื่อนในโรงเรียนของตนเองต่อไป จึงขอเสนอกรอบการพิจารณาผลเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการวิเคราะห์ความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนฯ
สามารถแบ่งระดับของความเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนาการของนักเรียนแกนนำด้าน อุปนิสัย
"พอเพียง" ได้ ๔ ขั้น คือ นิยาม ตีความ นำไปใช้ และให้/แบ่งปัน โดยบทบาทของครูแกนนำขับเคลื่อนฯ แตกต่างกัน ๔ แบบ สอดคล้องกัน
และแต่ละระดับจะส่งผลต่อระดับของความสำเร็จของโรงเรียนในการปลูกฝังอุปนิสัย
“พอเพียง” ของนักเรียนแกนนำ ๓ ระดับ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
รูปนี้ใช้อธิบายพัฒนาการของนักเรียนแกนนำและระดับการกำหนดบทบาทของครู
๑) พัฒนาการของนักเรียนแกนนำ ๔ ระดับ
- ขั้นนิยาม หมายถึง นักเรียนรู้จักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาอย่างถูกต้อง ว่า เป็นหลักปรัชญาที่ในหลวงพระราชทานให้ปวงชนชาวไทย ให้เป็น "หลักคิด" "หลักปฏิบัติ" ในการดำเนินชีวิต ด้วย ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิติ
- ขั้นตีความ หมายถึง นักเรียนสามารถอธิบายเชื่อมโยงกิจกรรมหรือประสบการณ์ของตนเองทั้งกิจกรรมการ เรียนรู้ กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ และการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเอง กับหลัก ปศพพ. ด้านการศึกษาได้อย่างสอดคล้อง
- ขั้นนำไปใช้ หมายถึง นักเรียนสามารถนำหลัก ปศพพ.ด้านการศึกษา ไปใช้กับตนเองทั้งกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ และการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเอง จนเกิดผลลัพธ์กับตนเอง
- ขั้นให้/แบ่งปัน หมายถึง การน้อมนำมาทำกับตนเองอย่างจริงจังต่อเนื่องจนเกิดผลลัพธ์ประทับใจ ถึงขั้น "ระเบิดจากภายใน" ตนเอง ภูมิใจอยากบอกต่อ มีความสุขที่ได้ให้และแบ่งปันกับคนอื่น เห็นคุณค่าและความดีของ ปศพพ.ด้านการศึกษา ด้วยตนเอง
๒) บทบาทครูแกนนำ ๔ ระดับ
บทบาทครูแกนนำ ที่พบในการขับเคลื่อน ปศพพ. ซึ่งสอดคล้องกับ พัฒนาการ ๔ ระดับ ได้แก่- ระดับที่ ๑ ใช้วิธีการขับเคลื่อนแบบ "บอก สอน ป้อน สั่ง" หมายถึง การพร่ำสอน กำกับ ควบคุม หรือบรรยายบอกเกี่ยวกับ ปศพพ.ด้านการศึกษาให้นักเรียน
- ระดับที่ ๒ ใช้การ "ถอดบทเรียน" อย่างมีรูปแบบ โดยกำหนดคำถามตายตัว โดยมาก ใช้แบบฟอร์ม ใบงาน หรือรูปแบบที่ครูคิดขึ้น
- ระดับที่ ๓ ใช้การสอดแทรกในกิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ และในการดำเนินชีวิตของนักเรียน อย่างไม่มีรูปแบบตายตัว โดยทำทุกโอกาส โดยมากเป็นการตั้งคำถาม
- ระดับที่ ๔ เป็นการสอดแทรกอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงของตนเอง สอดแทรกเมื่อโอกาสเวลาที่เหมาะสมตามบริบท นักเรียนไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกบ่มเพาะปลูกฝัง ปศพพ. จนกว่าจะเกิดองค์ความรู้นั้นในตนเองด้วยตัวเอง
๓) พัฒนาการของโรงเรียน ๓ ระดับ
ในการประเมินว่า โรงเรียนอยู่ระดับใด พร้อมหรือไม่ที่จะเป็นโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ
ข้อสังเกตที่สำคัญเชิงอุดมคติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างโรงเรียน ที่มีพัฒนาการแตกต่างกัน
๓ ระดับ ดังรูป
ระดับที่ ๑ โรงเรียนสถารศึกษาทั่วไป ผู้อำนวยการและครูใช้หลัก ปศพพ. โดยไม่รู้ตัว
นักเรียนเกิดอุปนิสัย"พอเพียง"โดยไม่รู้ตัว เพราะหลักสูตรแกนกลาง ๒๕๕๑
ได้กำหนดให้ปลูกฝังอุปนิสัย “พอเพียง” อยู่แล้ว หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นหลักสูตร
“พอเพียง” นั่นเอง
ระดับที่ ๒ โรงเรียนสถารศึกษาพอเพียง ผู้อำนวยการและครูใช้หลัก
ปศพพ. อย่างรู้ตัว รู้จักหลัก ปศพพ. (นิยาม) ครูเข้าใจและสามารถอธิบายความ
(ตีความ) หลัก ปศพพ. กับกิจกรรมการเรียนการสอนและกิจกรรมเสริมต่างๆ ได้ นักเรียนเกิดอุปนิสิย"พอเพียง"โดยไม่รู้ตัว
ระดับที่ ๓ โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา
ผู้อำนวยการและครูใช้หลัก ปศพพ. อย่างรู้ตัว นักเรียนเกิดอุปนิสัย
"พอเพียง" และรู้ตัว สามารถบอกต่อได้อย่างถูกต้อง
ระดับความสำเร็จของการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา
ระดับความสำเร็จของการขับเคลื่อนฯ สู่ผู้บริหารโรงเรียน
ครู และนักเรียนแกนนำ
ที่ประเมินจากผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถอดบทเรียนในเวทีต่างๆ
และจากประสบการณ์การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและประเมินความพร้อมเพื่อรับการประเมินเป็น
ร.ร.ศรร.ฯ โดยพิจารณาตามแนวทางที่กำหนดในเกณฑ์ก้าวหน้า ดังนี้
ระดับความสำเร็จด้านผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวบุคคล
ระดับ
๑
|
ระดับ ๒
|
ระดับ ๓
|
ระดับ ๔
|
ระดับ ๕
|
|
ผอ.
|
รู้และเข้าใจหลัก
ปศพพ.
|
นำไปปฏิบัติกับตนในชีวิตและงานบริหาร
ร.ร.
|
เกิดผลลัพธ์และถ่ายทอดสู่ครู/ผู้อื่น
|
ขยายผลสู่ชุมชน
/โรงเรียนอื่นๆ
|
ระเบิดจากภายในภูมิใจขยายผล
ปฏิบัติต่อเนื่อง ยั่งยืน
(เกิดอุปนิสัยพอเพียง)
|
ครู
|
นำไปปฏิบัติกับตนในชีวิต
การจัดการเรียนการสอน
และกิจกรรมเสริม
|
เกิดผลลัพธ์และถ่ายทอดสู่เพื่อนครูและนักเรียน
|
ขยายผลสู่ครูโรงเรียนอื่น/
ชุมชน
|
||
นักเรียน
|
นำไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง
การเรียน และการทำกิจกรรมในโรงเรียน
|
สามารถถ่ายทอด
อธิบาย ตีความ ตามหลัก ปศพพ.
|
ขยายผลสู่คนใกล้ชิดและนักเรียนอื่นๆ
|
ระดับความสำเร็จด้านกระบวนการขับเคลื่อนของโรงเรียน
มิติของการขับเคลื่อนฯ
|
ระดับ C
|
ระดับ B
|
ระดับ A
|
การบริหารจัดการ
และการพัฒนาครู
|
-
เน้นบริหารงานแนวดิ่ง (top-down) สั่งการและตัดสินโดยฝ่ายนโยบายและบริหาร
-
มีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการขับเคลื่อน ปศพพ.
ในโรงเรียน
- มีแผนและการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ
เพื่อสนับสนุนมุ่งสู่วิสัยทัศน์
- ผู้บริหารและคณะครูเห็นความสำคัญและมีความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จเพื่อนักเรียน
- ครูมีความรู้ความเข้าใจในหลัก ปศพพ.
ด้านการศึกษาอย่างถูกต้อง
|
- ตามระดับ C
- การบริหารงานแนวราบ
- มีการขับเคลื่อนฯ สู่วิสัยทัศน์ของโรงเรียน
โดยน้อมนำหลัก ปศพพ. มาใช้ทุกขั้นตอนของการบริหาร
- ครูนำหลัก ปศพพ.
มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน และกิจกรรมเสริม
|
- ตามระดับ B
- การบริหารจัดการส่งผลให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างการจัดการเรียนรู้
กิจกรรมเสริมการเรียนรู้ และการดำเนินชีวิต
- ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูตระหนักว่า
การขับเคลื่อน ปศพพ. ไม่ใช่งานเพิ่มเติม แต่เป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในทุกๆ
เรื่อง
|
การจัดการเรียนรู้
|
-
จัดการเรียนรู้แบบเดิมที่ยังเน้นเนื้อหา
เน้นการท่องจำ พร่ำสอน ครูบอก ออกคำสั่ง ห้ามปราม ปลูกฝังโดยใช้ครูเป็นศูนย์กลาง
-
จัดกิจกรรมหรือโครงการเสริมสร้างอุปนิสัยอย่างแยกส่วน
แยกวิชาการออกจากคุณธรรม แยกทฤษฎีออกจากปฏิบัติ เช่น โครงการส่งเสริมคุณธรรม
การสอนโครงงานของแต่ละวิชา
โครงการแข่งขันทางวิชาการโครงการส่งเสริมอุปนิสัยพอเพียง ฯลฯ
-
จัดการประเมินการเรียนรู้แบบเดิม คือ
“ประเมินแบบได้-ตก”เน้นประเมินความรู้มากกว่าทักษะ
-
ครูทำงานแบบเดี่ยว ต่างคนต่างทำ นักเรียนเรียนแบบเดี่ยว
|
-
จัดการเรียนโดยเน้นนวัตกรรมช่วยสอน เช่น
สื่อ สื่อคอมพิวเตอร์ หนังสือเรียน ฯลฯ เพื่อให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น ทำได้เร็วขึ้น
การสอนแบบบูรณาการแบบสหวิทยาการ
-
จัดกิจกรรมหรือโครงการแบบบูรณาการแบบต่างๆ
ที่ครูเป็นผู้ออกแบบและกำหนดขั้นตอน (นักเรียนยังไม่มีบทบาท)เช่น
การทำฐานการเรียนรู้ การสอนโครงงานบูรณาการ ฯลฯ
-
จัดระบบการ “ประเมินเพื่อพัฒนา”
ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ ที่เน้นครูเป็นผู้ประเมิน
โดยใช้เครื่องมือเชิงปริมาณ
-
ครูทำงานเป็นทีม นักเรียนเรียนแบบเดี่ยว
|
-
จัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑
เน้นการเรียนรู้ของนักเรียน “สอนน้อย เรียนมาก” ให้ความสำคัญกับการสร้างแรงบันดาลใจ
วินัยในตนเอง และทักษะการเรียนรู้ ฝึกให้มีทักษะชีวิต “เรียนชีวิต
ไม่ใช่เรียนวิชา”
-
จัดกิจกรรมการเรียนรู้หรือโครงงานบูรณาการบนฐานปัญหาหรือสถานการณ์จริงของชุมชนหรือสังคม
โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง โดยเชื่อมโยงกับความรู้และทักษะทั้งในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียน
(เน้นการนำไปใช้ในชีวิตจริง)
-
เน้นให้นักเรียนได้ประเมินตนเอง
ประเมินเพื่อเรียนรู้วิธีการเรียนรู้ของตนเอง เป็นการ “ประเมินความเปลี่ยนแปลง”
ของนักเรียน
|
ความสัมพันธ์กับชุมชนและโรงเรียนอื่นๆ
|
-
ชุมชนยังไม่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการเรียนรู้
ชุมชนยังมีความเข้าใจว่า การเรียนรู้เกิดขึ้นที่โรงเรียน
-
ความสัมพันธ์เป็นแบบทางเดียว
เช่นให้ความร่วมมือตามที่โรงเรียนเรียกร้อง ชุมชนให้การสนับสนุน ฯลฯ โรงเรียนยังไม่ได้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน
|
-
ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการเรียนรู้ในโรงเรียน
ชุมชนมีความตระหนักว่า โรงเรียนเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคม
-
ความสัมพันธ์เป็นแบบสองทาง ได้ร่วมคิด
ร่วมทำ ร่วมประเมินผล
|
-
ตามระดับ B
-
โรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของชุมชนและสังคม
-
โรงเรียนมีส่วนในการแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชนโดยเฉพาะด้านการพัฒนาเยาวชน
|
ตารางสรุปผลการประเมินพัฒนาการและความสำเร็จของการขับเคลื่อนฯ
ประเมินระดับพัฒนาการและความสำเร็จตามแนวทางที่กำหนดข้างต้น
โดยใช้ประสบการณ์การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม การสนทนาพูดคุยในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่างๆ
ตลอดทั้งการติดต่อสอบถามจากคณะกรรมการตรวจเยี่ยม ปรากฏผลดังนี้ (M:ด้านบริหารจัดการและการพัฒนาครู, L:ด้านการจัดการเรียนรู้,
C:ด้านความสัมพันธ์กับชุมชนและหน่วยงานภายนอก)
ลำดับ
|
ชื่อโรงเรียน
|
พัฒนาการของนักเรียน
|
บทบาทของครูแกนนำขับเคลื่อนฯ
|
บุคลากร
|
โรงเรียน
|
||||
ผอ.
|
ครู
|
นร.
|
M
|
L
|
C
|
||||
๑.
|
วาปีปทุม
|
||||||||
๒.
|
นาดูนประชาสรรพ์
|
||||||||
๓.
|
ประชาพัฒนา
|
||||||||
๔.
|
บรบือ
|
||||||||
๕.
|
ผดุงนารี
|
||||||||
๖.
|
โกสุมวิทยาสรรค์
|
||||||||
๗.
|
กันทรวิชัย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น