วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

SEEN มหาสารคาม _๐๘ : ประเมินโรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์

วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ กรรมการประเมินศักยภาพโรงเรียนต้นแบบสถานศึกษาพอเพียง เพื่อพัฒนาเป็นโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประเมินฯ โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์ โรงเรียนประจำอำเภอขนาดใหญ่ จำนวนครู ๑๒๗ คน จำนวนนักเรียนประมาณ ๒,๔๐๐ คน ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์โรงเรียนได้ที่นี่ ดูข้อมูลพื้นฐานที่นี่
ติดตามเฟสบุ๊คโรงเรียนที่นี่ 

โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์เป็นโรงเรียนมาตรฐานสากล เป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ที่เน้นจิตอาสา และขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่โรงเรียนมาอย่างจริงจังตั้งแต่สมัยอดีต ผอ.ไพจิตร ปริวัฒนากุล  ปัจจุบันคือ หลวงพ่อไพจิตร ปัจจุบันหลังเกษียณ ท่านประจำอยูที่วัดป่ากุง (วัดประชาคมวนาราม อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด) จากการสืบค้น ผมพบว่า ตอนปี ๒๕๓๕ ท่านเป็นผู้บุกเบิกให้เกิดโรงเรียนประชาพัฒนา อธิบายว่าทำไมหลวงปู่ศรี มหาวีโร พ่อแม่ครูอาจารย์ผู้สร้างวัดป่ากุง จึงได้เมตตาเป็นองค์อุปถัมภ์และมอบปรัชญาให้โรงเรียนประชาพัฒนายึดถือเรื่อยมา ดังที่ ผอ.บุญทัน ท่านนำเสนอไว้ (อ่านที่นี่)  นอกจากนี้ ผมยังพบว่า รอง ผอ.ดร. ภักดี เอื้อราษฎร์ ของโรงเรียนผดุงนารี ท่านย้ายมาจากโรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์ ผมทึกทักเอาว่า แรงบันดาลใจในการเลือก หัวข้อวิทยานิพนธ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับ คุณธรรม จริยธรรม และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก อดีต ผอ.ไพจิตร เป็นแน่ ..... ข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว "ปัจเจกชน" บุคลิกและอุปนิสัยของคนที่เป็นผู้บริหารนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลในการกำหนดแนวทางพัฒนาการศึกษาในโรงเรียนอย่างยิ่ง









ระหว่างนั่งรอเริ่มพิธีประเมินฯ อย่างเป็นทางการ ผอ.พงศักดิ์ ถวิลไพร ผู้อำนวยการคนปัจจุบัน ท่านเล่าถึงวิธีการจัดการกับปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าในตอนที่ท่านย้ายมาใหม่ๆ แล้วพบว่าค่าไฟฟ้าของโรงเรียนแพงหลายแสนบาท เริ่มจากการเชิญคนที่พิจารณาว่าน่าเกี่ยวข้องมาระดมสมองไตร่ตรองร่วมกันถึงสาเหตุ แล้วกำหนดวิธีแก้และทำทันที วางแผนระยะกลางและระยะยาวอย่างมีระบบ เรื่องเล่าเล็กๆ นี้สะท้อนวิธีการแก้ปัญหาโดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับการพัฒนาโรงเรียน และจากการสังเกตและสนทนา ผมสังเคราะห์ว่า ท่านรู้ เข้าใจ นำไปปฏิบัติกับตน จนเห็นผลเห็นคุณค่า ถือเป็นจุดแข็งของโรงเรียนในการขับเคลื่อนฯ ...  อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นซักถาม พบว่าเพิ่งจะเริ่มปีที่ ๒ ของท่านที่นี่ ในใจผมยังมีคำถามเกี่ยวกับ "ความสามัคคี" และ "เอกภาพ" ของทีมบริหาร ว่าทุกคนพร้อมที่จะร่วมใจขับเคลื่อนฯ ไปด้วยกันหรือไม่

จุดเด่นที่เห็นจากการสังเกต "ความภูมิใจ" ของนักเรียน ครู และกรรมการสถานศึกษา คือ โครงการสวนพฤกษาศาสตร์ในโรงเรียน ที่สามารถผ่านระดับ ๒ ตามเกณฑ์ของหลักสูตร ซึ่งเห็นชัดว่าเกิดผลลัพธ์กับนักเรียน มีร่องรอยหลักฐานชัดเจน มีการบูรณาการระหว่างกิจกรรมกับการจัดการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ถือเป็นต้นแบบสำหรับโรงเรียนที่จะไปศึกษาดูงานด้านนี้ 

แกนนำขับเคลื่อนฯ ของโรงเรียนคือ รอง ผอ.เรืองยศ วิชัย วิธีที่ใช้คือ การบูรณาการ ปศพพ. ลงในกิจกรรมชมรมและโครงการต่างๆ เช่น ชมรมดนตรีที่มีการสนับสนุนอย่างจริงจัง ชุมนุมลูกสือเนตรนารี โครงการสวนพฤกษาศาสตร์ในโรงเรียน โครงการทำนา ธนาคารโรงเรียน ฯลฯ โดยขับเคลื่อนฯ สู่ครูที่ปรึกษาประจำชมรมหรือครูที่รับผิดชอบโครงการ นอกจากนี้ก็ขับเคลื่อนฯ ผ่านการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาต่างๆ









ฯลฯ

ข้อความเห็นของกรรมการประเมินฯ

หลังจากการตรวจเยี่ยมประเมินฯ กรรมการฯ ทุกคนประทับใจนักเรียนมาก นักเรียนส่วนหนึ่ง สามารถที่จะตอบคำถามได้อย่างเข้าใจ ใช้เหตุใช้ผลได้อย่างมั่นใจ แสดงถึงการขับเคลื่อนฯ ที่เน้นให้นักเรียนได้ทำจริงๆ ลงมือทำจริงๆ

กรณีหนึ่งที่นักเรียนตัวถ้วมน้ำหนักมาก นั่งอยู่บนหมูที่ทำจากกระดาษแช่น้ำติดกาว กรรมการฯ ถามว่า "..น้ำหนักเรามากขนาดนี้ หมูจะรับไหวเหรอ?"  เด็กชายตอบทันทีว่า "รับได้ครับ หมูตัวนี้ติดกระดาษ ๔๐ ชั้น สามารถรับน้ำหนักได้ถึง ๑๐๐ กิโลกรัม น้ำหนักผม ๘๐ รับได้.. ไม่มีปัญหาครับ"....  คำตอบเพียงสั้นๆ ของเด็กชายสะท้อนให้เห็นว่า
  • ได้ทำเอง  จึงจำแม่น มั่นใจ มีไหวพริบในการตอบคำถาม
  • ทำอย่างมีหลักวิชา เรียนรู้ศึกษาปัญหาอย่างเป็นกระบวนการ ผ่านประสบการณ์การทดลองตรวจสอบ จึงสามารถสร้างองค์ความรู้ให้เกิดกับตนเองได้ 
  • เห็นคุณค่าและภูมิใจในสิ่งที่ตนเองทำ ในที่นี้คือ สามารถนำกระดาษมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า ใช้งานได้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุด 
  • เห็นการ "วิเคราะห์ตนเอง" ก่อนที่จะตัดสินใจทำอย่างรอบคอบ กล่าวคือ รู้ว่าหมูรับได้ ๑๐๐ กิโลกรัม ตนเองหนัก ๘๐ กิโลกรัม จึงตัดสินใจนั่ง
เมื่อกรรมการฯถามว่า "ทำไมต้องเป็นหมู ทำไมเลือกหมู ทำไมไม่ทำเป็นรูปสัตว์ประเภทอื่น?" เด็กชายอธิบายว่า " ชีวิตของตนเป็นคน อ.บัวขาว ครอบครัวเลี้ยงหมูมาตั้งแต่ตนยังเด็ก จึงมีความผูกพันและเห็นความสำคัญของหมูมาตั้งแต่วัยเด็ก.."  ทำให้ ผอ.เกษม ประทับใจ ถึงกับบอกว่า "เยี่ยมยอดมาก" อย่างไรก็ดี ยังมีนักเรียนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นเจ้าของผลงาน จึงทำให้ไม่สามารถตอบคำถามได้ และด้วยความซื่อสัตย์จึงได้บอกกับกรรมการตรงๆ ว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของผลงาน

ผมประเมินว่า ผลสำเร็จในการปลูกฝังอุปนิสัย "พอเพียง" ตามกรอบคิดนี้ อยู่ในระดับนิยาม และตีความ หรืออยู่ในระดับ "มูลค่า" และ "ความรู้" หากพิจารณาตามกรอบนี้  บทบาทของครูแกนนำน่าจะยังอยู่ในระดับ ๒ คือขับเคลื่อนด้วยการ ๒ "ถอดบทเรียน" ซึ่งจากความเห็นกรรมการ นักเรียนแกนนำยังไม่สามารถเล่าเรื่อง และบูรณาการหลัก ปศพพ. กับสิ่งที่ทำได้มากนัก นั่นหมายถึง ต้อง "ถอดบทเรียน" ให้มากขึ้น


ข้อเสนอแนะ
  • ถอดบทเรียนและขยายความสำเร็จจากโครงการสวนพฤกษาศาสตร์ หรือวงโปงลางของโรงเรียน โดยครูอำนวยและกระตุ้นให้นักเรียน นำกระบวนการเรียนรู้ไปปรับใช้กับโครงการอื่นๆ
  • ปรับเปลี่ยนหรือออกแบบกิจกรรมให้เน้นการฝึกฝน "ทักษะ" และ "กระบวนการเรียนรู้" ของนักเรียน มากขึ้น ระวังไม่ให้เป็นเพียงกิจกรรมที่ทำกันเพียงไม่กี่วัน แต่เป็นภารกิจสำคัญที่นักเรียนจะได้ฝึกวิธีการใช้ "หลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียง" ในการทำเรื่องต่างๆ ในระยะยาวขึ้น เช่น การปรับเอารายวิชา IS ในหลักสูตรโรงเรียนมาตรฐานสากลมาเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะเอื้อให้นักเรียนได้ทำโครงงานบนฐานปัญหาหรือชีวิตจริงๆ
  • ร่วมกันทำ "วิสัยทัศน์ร่วม" กันอย่างจริงจังสู่ความเป็นโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาฯ แต่งตั้งคณะครูแกนนำขึ้น เพื่อขยายความสำเร็จสู่โรงเรียนและชุมชนภายนอกโรงเรียน 
  • ส่งเสริมการ "สอนเป็นทีม" หรือ สร้างชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ (PLC) เพื่อร่วมกันพัฒนา เปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ 
  • ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม โดยการใช้เครื่องมือจัดการความรู้ (KM) เช่น ฺBAR, DAR, AAR, Deep Listening, Dialouge, ALR, AI เป็นต้น ซึ่งสามารถสืบค้นเรียนรู้ได้ทั่วไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น