ถอดบทเรียน ปศพพ.
ได้รับหน้าที่ให้พานิสิตชาวค่ายถอดบทเรียน จึงนำเสนอวิธีการถอดบทเรียน ๒ แบบให้นิสิต ดังภาพด้านล่าง
- แบบแรกเรียกว่า ๓-๒-๔ (อ่านว่า ๓ ห่วง ๒ เงื่อน ๔ มิติ) ประโยชน์ของการถอดบทเรียนแบบนี้ จะทำให้นิสิตจำได้และเข้าใจในคุณลักษณะของความพอเพียง
- อีกแบบหนึ่งเรียกว่า ๒-๓-๔ มีสองวิธี สำหรับการนำไปเป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิตจริง วิธีแรกเรียกว่า
- พิจารณา ๒ เงื่อนไข ตัดสินใจ ๓ ด้วย ๓ ห่วง ระมัดระวัง ๔ มิติ สู่เป้าหมายสมดุล พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
- พอเพียงคือ การใช้ความรู้คู่คุณธรรม อย่างรอบรู้ รอบคอบ และระมัดระวัง รายละเอียดดังภาพ
ด้วยเวลาที่จำกัด จึง ใช้เทคนิค "คิดเดี่ยว" โดยใช้กระดาษ A4 ให้แต่ละคนถอดบทเรียนตนเอง โดยกำหนดภารหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เช่น ฝ่ายสันทนาการ งานทาสีผนังโรงเรียน งานทำแปลงผัก เป็นต้น
เรียนรู้เกษตร "พอเพียง" พ่อมนตรี
กิจกรรมเรียนจากผู้รู้ ดูจากผู้มีประสบการณ์ แบบนี้ดีมาก ๆ ขอเชียร์ให้ทางชมรมฯ ทำต่อไป ยิ่งทำบ่อย ๆ เจอผู้เชี่ยวชาญมาก ๆ ยิ่งจะเพิ่มพูลปัญญานักปราชญ์ให้แก่ตนเอง ... เสียดายตอนที่ผมไปถึง ขบวนของนิสิตกำลังเดินทางกลับจากไร่ของพ่อมนตรี (พ่อปราชญ์เกษตรอินทรีย์หนึ่งเดียวของคนระแวกนั้น) จึงไม่ได้เข้าไปกระตุ้นให้นิสิตเห็นความสำคัญให้มาก ๆ ... อย่างไรก็ดี ทันทีที่ไปถึง ผมก็บึ่งไปเรียนรุ้จากท่านทันที และสรุปคลิปวีดีโอสิ่งดีมาฝากท่านครับ ... ขอขอบพระคุณท่านมาก ไว้ตรงนี้มาก ๆ ครับ
พ่อมนตรี ไม่ใช่เกษตรกรตอนเลือกอาชีพครั้งแรก ท่านเป็นช่างเชี่ยวชาญเรื่องการผลิตเครื่องชงกาแฟ ทำมาหากินในเมืองหลวง รายได้ก็ไม่ได้แย่ ได้มากพอสมควร เรียกว่าอยู่ได้สบาย ๆ แต่วันหนึ่งเมื่อพ่อตาท่านป่วย ท่านและภรรยาจึงกลับมาดูแล (ความกตัญญูคือคุณสมบัติของคนดี) จึงได้มีโอกาสได้สัมผัสชีวิตแบบเรียบง่าย ใกล้เชิงเขา มีคลองน้ำชลประธานไหลผ่าน ช่วงแรกก็ทำปลูกพืชเชิงเดี่ยวตามที่คนทำกัน แต่ด้วยความมีปัญญาทั้งสามีภรรยา จึงเริ่มศึกษาและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่เป็นแปลงแรก
พืชเศรษฐกิจที่เลือกและได้ผลดีมากในขณะนี้คือฝรั่ง ท่านนำมาฝากที่ค่ายถุงใหญ่ ลงชิมแล้วอร่อย หวาน กรอบ (ชอบมาก) และทำร้านกาแฟสดที่ริมทางข้างถนนโค้งพอดี วิวสวยมาก ที่น่าสนใจมาก ๆ คือ การปลูกผักโฮโดรโปนิคแบบอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพและดินมูลใส้เดือนแทน
สรุปแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรจะไปเรียนรู้จากท่านคือ กระบวนการทำปุ๋ยน้ำหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ท่านพบสูตรปุ๋ยดี องค์ประกอบที่สำคัญที่ต้องมีคือถั่วเหลือง และต้องเป็นถั่วเหลืองอินทรีย์ ซึ่งท่านปลูกเองด้วย ... ด้วยเวลาที่จำกัด ไม่สามารถถอดบทเรียนท่านได้หมด ....โอกาสหน้าจะไปหาท่านใหม่
ความสามัคคีของชุมชน
บรรยากาศแบบที่ได้ประสบพบเจอมิตรภาพและความร่วมมือที่ดีแบบนี้ จำได้ว่าไม่เห็นนานมากแล้ว เหมือน ๒๐ ปีที่แล้วที่เคยทำค่ายอาสา ชาวบ้านเข้มแข็ง ร่วมมือ และเมตตา ดูแลนิสิตในค่ายเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านและคุณครูประจำการทั้งสองท่าน และชาวบ้านอาสา ... ผมสังเกตว่า นิสิตมีความสุข รู้สึกว่าค่ายประสบความสำเร็จ และมีพลังที่จะทำค่ายอาสาลักษณะนี้ต่อไป
บรรยากาศชาวบ้านมาร่วมด้วยช่วยเตรียมวัตถุดิบ
ปลาจาระเม็ดที่โรงเรียนเลี้ยงไว้ ชาวบ้านลงสระนำมาทำอาหาร
ภาพนี้ถ่ายก่อนเดินทางกลับ ขอเก็บไว้ในความทรงจำ (จะได้สืบค้นง่าย) |
กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ตามความต้องการของชุมชน ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "เป็นบุญ เป็นทาน เป็นการ เป็นงาน " คือการงานที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับค่ายอาสาแบบค่ายสร้างหรือค่ายอาสาแบบนี้
กิจกรรมสันทนาการ
ฝ่ายสันทนาการ เป็นงานสำคัญของการออกค่ายที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นสันทนาการแบบบูรณาการ "กระบวนการเรียนรู้" ด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้ค่าย สนุก ทุกคนมีความสุข และเกิดงานสร้างสรรค์ที่มีคุณค่าต่อจิตใจของผู้ไปร่วมค่าย
กิจกรรมรอบกองไฟ
กิจกรรมรอบกองไฟ ไม่ได้เริ่มหลังการจุดไฟ แต่เริ่มตั้งแต่การช่วยกันหาฟืน เตรียมการงานหน้ากองไฟ สิ่งที่เป็นหัวใจ ทำให้งานรอบกองไฟสนุกหรือไม่ ก็คือ การแสดงรอบกองไฟของแต่ละกลุ่ม และอีกปัจจัยในก็คือพิธีกรดำเนินกา (นิสิตจากชมรมครูคณิตมาร่วมด้วยช่วยกัน)... สนุกสนานมาก
การไปร่วมค่าย ทุกคนย่อมได้อะไรมากมาย แตกต่างกันหลากหลาย แล้วแต่ความสนใจและคุณภาพของจิตใจของแต่ละคน เรียนมากรู้มาก ทำมากเกิดผลมา มีเหตุมากมีผลมาก มีเหตุน้อยผลย่อมน้อย ... ผมขับรถสำรวจรอบพื้นที่ และไม่ลืมที่จะค้นหาความงามของธรรมชาติทั้งภายในและภายนอกของชุมชนระแวกนั้น
บายศรีสู่ขวัญ
ทำนุบำรุง "ศรัทธา" และ "ปัญญา" อันดีงามนี้ต่อไป ให้ถึงแก่น ทำพิธีกรรมนำให้ถึงใจ ขอชมเชยว่า ชมรมทำได้ดีมาก ๆ ครับ ชาวบ้านท่านประทับใจมาก ๆ
ขอจบบันทึกด้วยภาพด้านล่างนี้ครับ ขอบคุณสมาชิกชมรมตามรอยเท้าพ่อทุกคน ที่ได้ทำให้เสร็จสำเร็จแล้วซึ่งกิจกรรมอันช่วยสืบสานพระราชปณิธาน ในหลวง ร.๙ และประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามแห่งการเรียนรู้ของนิสิตนี้ .... ปั่นฮูปั่นฮัก มักเศรษฐกิจพอเพียง บรรลุผลอย่างยิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น