รุ่นพี่เป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้อง
บรรยายกาศที่เห็นแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป ในขณะที่เรารับประทานที่โรงอาหารกลางของโรงเรียน คือ เสียงพูดคุยสนทนาของเด็กๆ ดังสนั่นห้องโถง "อาจารย์ ดร.อาจอง" บอกว่า "...เวลากินข้าวร่วมกันจะเสียงดังแบบนี้เป็นธรรมชาติ..." ที่นี่ไม่มีครูคอยออกคำสั่ง ใช้ระบบ "รุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง" และใช้หลักของการ "เป็นแบบอย่างที่ดี" ของรุ่นพี่ โดยมีสภานักเรียนที่เรียกกันว่า "พี่ Prefect" ซึ่งแปลว่า เจ้าหน้าที่ ในที่นี้น่าจะหมายถึง "หัวหน้านักเรียน" (ผมได้คำแปลจากที่นี่) เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม รุ่นพี่จะยืนขึ้น น้องๆ ทุกคนยืนตาม เวลานี้ความเงียบและความพร้อมเพียงก็เข้ามา พร้อมๆ กับการทำความเคารพท่านประธาน ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มทานอาหารพร้อมๆ กัน เด็กๆ จะทำแบบนี้อีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมหลังรับประทานอาหารเสร็จ
ผมชอบวิธีจัดโต๊ะในโรงอาหาร ที่จัดโต๊ะให้ "อาจารย์" (นักเรียนที่นี่จะเรียก ดร.อาจอง ว่าอาจารย์) และผู้อำนวยการลัดดา (เด็กๆ ที่นี่ยังคงเรียกท่านว่า "ครูกุ้ง") นั่งโต๊ะบนเวที หันหน้ามาหาเด็กๆ ดังรูป ด้านล่าง
นักเรียนที่นี่ตื่นตั้งแต่เช้าตี ๔ หรือ ๕ อาบน้ำทำกิจส่วนตัวแล้วมารวมกันที่ห้องประชุมโถงใหญ่ขนาดประมาณ ๗๐๐ คน น่าจะได้ กิจวัตรคือร้องเพลงและสวดมนต์ โดยมีดนตรีประกอบ ซึ่ง ดร.อาจอง ท่านเล่นเปียโนด้วยตนเอง และมีคุณครูลอเรนซ์เล่นแอคคอร์เดียนประกอบกัน โดยจะเริ่มกิจรรมตามลำดับคือ สวดสักการะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อิมินาสักกาเรนะฯ->อรหังสัมมาฯ -> บทสวดเสริฐสรรทำนองทิเบต -> ร้องเพลงพร้อมกัน -> อ.ดร.อาจอง เล่านิทานคุณธรรม -> สะท้อนบทเรียนจากนิทาน ผู้สนใจกิจวัตรทั้งวัน และแนวทางการเรียนรู้ สืบค้นหาดูได้ไม่ยากเลยครับทาง Youtube เช่น
กิจกรรมทุกอย่างดำเนินไปตามลำดับ ร้องเพลงชาติพร้อมกัน กล่าวคำปฏิญาณพร้อมกัน โดยไม่มีครูเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ โดยใช้ไมโครโฟนสนามเล็กๆ ที่ทุกคนได้ยินเสียงไม่ดังเกินไป เว้นแต่ตอนท้ายที่ประธานนักเรียนจะเชิญให้ผู้อำนวยการออกมาพบนักเรียนหน้าเสาธง
วันนี้ (๒๓ ก.ย. ๕๘) ผู้อำนวยการบอกกับนักเรียนว่า "...วันนี้ครูมีแขกพิเศษมาเยี่ยม..." เสียงฮือฮายินดี ทุกคนหันหน้ามองไปยัง พิมพ์ (สัจจาพร) นักเรียนทุนเศรษฐกิจพอเพียง อดีตประธานนักเรียน ศิษย์เก่าที่นี่ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ผมมั่นใจว่า ผอ. ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า และประทับใจที่พิมพ์เดินออกมาหน้าเสาธงทันทีโดยไม่มีอาการประหม่าใดๆ เลย และพูดได้อย่างดีเยี่ยม แม้ไม่ได้เตรียมมาก่อน หัวข้อที่ ผอ. มอบให้ คือ "ประสบการณ์การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสัตยาไสไปปรับใช้ในชีวิตมหาวิทยาลัย" ...
พิมพ์บอกว่า สิ่งที่มีประโยชน์และได้นำไปใช้มากๆ คือ ความเป็นผู้นำที่ตนเองได้รับจากการเป็นพี่ "พรีเฟค" และเป็นประธานนักเรียน ประสบการณ์จากในระบบพี่ดูแลน้อง หล่อหลอมให้เธอสามารถเป็นผู้นำนิสิตในรุ่นที่เธอศึกษาอยู่ ปัจจุบันเธอศึกษาอยู่ชั้นปี ๒ ของคณะบัญชีและการจัดการ มมส. ... ความจริงทีมจากก มมส. มาศึกษาดูงานครั้งนี้ได้ก็เพราะพิมพ์ประสานติดต่อให้... และโดยเฉพาะ ท่านอาจารย์อาจอง ท่านยังเป็นผู้พาเราทัศนศึกษา และให้การดูแลอย่างอบอุ่นที่สุด ....ขอบคุณมากๆ ทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ไว้ตรงนี้อีกครั้งหนึ่งครับ...
ผมถามนักเรียนชั้น ม.๖ เกี่ยวกับระบบ "พี่ดูแลน้อง" น้องตอบทันทีว่า ".สำคัญที่การทำเป็นแบบอย่าง แบบอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน..." แล้วถ้าน้องไม่ทำล่ะ? เช่นถ้าน้องมาสายล่ะ? "ก็จะมีวิธีให้ทำความดี บำเพ็ญประโยชน์ เป็นมาตรการทำโทษแบบสร้างสรรค์ๆ..."
สรุปคือ "พี่ดูแลน้อง" ต้อง "เป็นแบบอย่าง" ....
บันทึกต่อไปจะว่าด้วย "ความรัก" กับ "การกอด" ครับ ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น