วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558

CADL _ โครงการสืบสานฯ ปี ๒๕๕๘ _ "สร้างคนดี เหนือสิ่งใด" โรงเรียนสัตยาไส อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี (๒) รุ่นพี่เป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้อง

อ่านบันทึกที่ ๑ ที่นี่ 

รุ่นพี่เป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้อง

บรรยายกาศที่เห็นแตกต่างจากโรงเรียนทั่วไป ในขณะที่เรารับประทานที่โรงอาหารกลางของโรงเรียน คือ เสียงพูดคุยสนทนาของเด็กๆ ดังสนั่นห้องโถง "อาจารย์ ดร.อาจอง" บอกว่า "...เวลากินข้าวร่วมกันจะเสียงดังแบบนี้เป็นธรรมชาติ..."  ที่นี่ไม่มีครูคอยออกคำสั่ง ใช้ระบบ "รุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง" และใช้หลักของการ "เป็นแบบอย่างที่ดี" ของรุ่นพี่ โดยมีสภานักเรียนที่เรียกกันว่า "พี่ Prefect" ซึ่งแปลว่า เจ้าหน้าที่ ในที่นี้น่าจะหมายถึง "หัวหน้านักเรียน" (ผมได้คำแปลจากที่นี่) เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม รุ่นพี่จะยืนขึ้น น้องๆ ทุกคนยืนตาม เวลานี้ความเงียบและความพร้อมเพียงก็เข้ามา พร้อมๆ กับการทำความเคารพท่านประธาน ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มทานอาหารพร้อมๆ กัน  เด็กๆ จะทำแบบนี้อีกครั้งหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมหลังรับประทานอาหารเสร็จ

ผมชอบวิธีจัดโต๊ะในโรงอาหาร ที่จัดโต๊ะให้ "อาจารย์" (นักเรียนที่นี่จะเรียก ดร.อาจอง ว่าอาจารย์) และผู้อำนวยการลัดดา (เด็กๆ ที่นี่ยังคงเรียกท่านว่า "ครูกุ้ง") นั่งโต๊ะบนเวที หันหน้ามาหาเด็กๆ ดังรูป ด้านล่าง


นักเรียนที่นี่ตื่นตั้งแต่เช้าตี ๔ หรือ ๕ อาบน้ำทำกิจส่วนตัวแล้วมารวมกันที่ห้องประชุมโถงใหญ่ขนาดประมาณ ๗๐๐ คน น่าจะได้ กิจวัตรคือร้องเพลงและสวดมนต์ โดยมีดนตรีประกอบ ซึ่ง ดร.อาจอง ท่านเล่นเปียโนด้วยตนเอง และมีคุณครูลอเรนซ์เล่นแอคคอร์เดียนประกอบกัน  โดยจะเริ่มกิจรรมตามลำดับคือ สวดสักการะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อิมินาสักกาเรนะฯ->อรหังสัมมาฯ -> บทสวดเสริฐสรรทำนองทิเบต -> ร้องเพลงพร้อมกัน -> อ.ดร.อาจอง เล่านิทานคุณธรรม -> สะท้อนบทเรียนจากนิทาน  ผู้สนใจกิจวัตรทั้งวัน และแนวทางการเรียนรู้ สืบค้นหาดูได้ไม่ยากเลยครับทาง Youtube  เช่น
https://youtu.be/dLe6JaZ1c-I เป็นต้น

สังเกตว่าแม้แต่ตอนนั่งในอาคาร รุ่นพี่พรีเฟค จะแทรกอยู่ระหว่างรุ่นน้องๆ นั่่นหมายถึง คำว่ารุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องนั้น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องปกครอง แต่พี่จะคอยเป็น "ตัวอย่างที่ดี" ให้รุ่นน้องในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ เวลาที่ทำกิจกรรมร่วมกัน

เมื่อกิจกรรมตอนเช้าเสร็จสิ้น ทุกคนก็เดินไปกินข้าวเช้าที่โรงอาหาร โดยไม่มีการให้สัญญาณใดๆ เหมือนทุกคนจะรู้เวลาว่าตอนไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ ฯลฯ เป็นอย่างดี ...

หลังประทานอาหารเช้า เด็กๆ จะมีช่วงเวลาเพลินเล่นระยะหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงเพลงเป็นสัญญาณดังขึ้น  นักเรียนจะไม่รีบรุกรนรุกรี้ทันที เหมือนตอนสมัยเด็กที่เราได้ยินเสียงระฆัง แต่ที่สัตยาไสใช้เพลง ๓ เพลงเป็นทั้งสัญญาณและการสื่อสารกับนักเรียนว่า เพลงแรกให้เตรียมตัวและเริ่มทะยอยเดินมาหน้าเสาธง จบเพลงที่สองทั้งพี่ทั้งน้องจะพร้อมกันที่หน้าเสาธง ระหว่างเพลงที่ ๓ นอกจากจะจัดระเบียบตนเองแล้ว ผมยังสังเกตเห็นการตรวจนับจำนวนน้องของรุ่นพี่พรีเฟค และยิ้มไหว้ทักทายกันระหว่างน้องพี่ ....  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า วิธีแบบนี้ที่ผมประทับใจเมื่อครั้งไปเยี่ยม ร.ร.นอกกะลา มาจากไหน ...



ครูเพ็ญศรี ใจกล้า ครูเพื่อศิษย์ที่เดินทางไปด้วยกัน ประทับใจในความง่าย สบาย ของเครื่องเด็กกายที่นักเรียนใส่ที่นี่มาก โดยเฉพาะร้องเท้าแตะหลากหลายแบบที่นักเรียนใส่ และเสื้อสีแสดกางเกงวอร์มสีดำ  ...  ผมคิดว่านี่เป็นวิธีการปลูกฝังความเข้าใจใน "คุณค่าแท้" ของสิ่งของที่ใช้ได้ดีมาก...

กิจกรรมทุกอย่างดำเนินไปตามลำดับ ร้องเพลงชาติพร้อมกัน กล่าวคำปฏิญาณพร้อมกัน โดยไม่มีครูเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ โดยใช้ไมโครโฟนสนามเล็กๆ ที่ทุกคนได้ยินเสียงไม่ดังเกินไป เว้นแต่ตอนท้ายที่ประธานนักเรียนจะเชิญให้ผู้อำนวยการออกมาพบนักเรียนหน้าเสาธง

วันนี้ (๒๓ ก.ย. ๕๘) ผู้อำนวยการบอกกับนักเรียนว่า  "...วันนี้ครูมีแขกพิเศษมาเยี่ยม..."  เสียงฮือฮายินดี ทุกคนหันหน้ามองไปยัง พิมพ์ (สัจจาพร) นักเรียนทุนเศรษฐกิจพอเพียง อดีตประธานนักเรียน ศิษย์เก่าที่นี่ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ผมมั่นใจว่า ผอ. ไม่ได้บอกไว้ล่วงหน้า และประทับใจที่พิมพ์เดินออกมาหน้าเสาธงทันทีโดยไม่มีอาการประหม่าใดๆ เลย  และพูดได้อย่างดีเยี่ยม แม้ไม่ได้เตรียมมาก่อน หัวข้อที่ ผอ. มอบให้ คือ   "ประสบการณ์การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสัตยาไสไปปรับใช้ในชีวิตมหาวิทยาลัย" ...

พิมพ์บอกว่า  สิ่งที่มีประโยชน์และได้นำไปใช้มากๆ คือ ความเป็นผู้นำที่ตนเองได้รับจากการเป็นพี่ "พรีเฟค" และเป็นประธานนักเรียน  ประสบการณ์จากในระบบพี่ดูแลน้อง หล่อหลอมให้เธอสามารถเป็นผู้นำนิสิตในรุ่นที่เธอศึกษาอยู่ ปัจจุบันเธอศึกษาอยู่ชั้นปี ๒ ของคณะบัญชีและการจัดการ มมส. ... ความจริงทีมจากก มมส. มาศึกษาดูงานครั้งนี้ได้ก็เพราะพิมพ์ประสานติดต่อให้... และโดยเฉพาะ ท่านอาจารย์อาจอง ท่านยังเป็นผู้พาเราทัศนศึกษา และให้การดูแลอย่างอบอุ่นที่สุด ....ขอบคุณมากๆ ทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ไว้ตรงนี้อีกครั้งหนึ่งครับ...

ผมถามนักเรียนชั้น ม.๖ เกี่ยวกับระบบ "พี่ดูแลน้อง" น้องตอบทันทีว่า ".สำคัญที่การทำเป็นแบบอย่าง  แบบอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน..."   แล้วถ้าน้องไม่ทำล่ะ?  เช่นถ้าน้องมาสายล่ะ?  "ก็จะมีวิธีให้ทำความดี บำเพ็ญประโยชน์ เป็นมาตรการทำโทษแบบสร้างสรรค์ๆ..."


สรุปคือ "พี่ดูแลน้อง" ต้อง "เป็นแบบอย่าง" ....

บันทึกต่อไปจะว่าด้วย "ความรัก" กับ "การกอด" ครับ ...


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น