- ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎรตลอดไป" ... ทรงจะสืบสาน รักษา และต่อยอด สิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงดำเนินมา ดังนั้นตลอดรัชสมัยนี้ ย่อมชัดเจนว่าควรจะขับเคลื่อนการศึกษาด้วยหลักปรัชญาใด
- พระราชนิพนธ์ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่สำคัญที่สุด ซึ่งทรงพระราชทานให้ประชาชนคนไทยนำไปศึกษา ปฏิบัติตาม คือ พระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ...(ใครยังไม่อ่านเชิญดูคลิปวีดีโอที่นี่ หรืออ่านสรุปประเด็นในบันทึกนี้ครับ)
- การจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยังยืนที่แท้จริง คือ การนำเอาหลักแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน นั่นคือ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้เป็นหลักปฏิบัติทางการศึกษา นั่นเอง
การจัดการศึกษาที่ทรงสอนไว้ในพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก คือ การสร้างสถาบันการศึกษาให้เป็น "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" เพื่อฟื้นฟูพัฒนาคนไทยทั้งประเทศให้ พออยู่ พอกิน มีความสุข มีภูมิคุ้มกันและเท่าทันโลกโมหภูมิ ทุนนิยมเสรีในทุกวันนี้
ปัญหาของการศึกษาที่สำคัญที่สุด คือ การสอนให้คนอยากรวย ไม่ได้เน้นสอนให้พึ่งตนเองแล้วช่วยคนอื่นอย่างที่ในหลวงทรงสอนและทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง จึงทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสและคนทิ้งถิ่นเข้าเมืองดังที่ทราบกัน (เคยสะท้อนไว้ที่นี่)
วันนี้ผมตกผลึกในใจตนเอง ถึง รูปแบบการศึกษาที่ตรงกับปรัชญา "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" มากที่สุด ที่ว่ามากที่สุด เพราะเหมาะสมกับคนไทยส่วนใหญ่มากที่สุด ซึ่งมีที่ดิน-ที่นาเป็นของตนเอง จึงขอบันทึกแลกเปลี่ยนไว้ เพื่อค้นหานักการศึกษาที่เห็นเป็นอุดมการณ์เดียวกัน มาช่วยกันสร้าง PLC สำหรับครู-อาจารย์ที่จะมาช่วยกันขับเคลื่อนโรงเรียน-มหาวิทยาลัย ให้มีลักษณะเป็น "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" ให้มากที่สุด
หลักสูตรแกนกลาง ที่ไปผิดทาง ยิ่งห่างไกลจาก "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย"
ผมเคยวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. ๒๕๕๑ ไว้ที่บันทึกนี้ สรุปไว้ว่า หลักสูตรฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเกษตรพึ่งตนเอง นั่นเป็นก้าวใหญ่ ๆ ที่เราไปผิดทางจากปรัชญา "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" และได้เสนอแนวทางการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญานี้ไว้ ดังนี้ว่า (คัดลอกมาอีกครั้ง)
วันพุธที่ผ่านมา (๑๙ มิ.ย. ๖๒) ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเยี่ยมถอดบทเรียนคุณครูวรารัตน์ ภูเฉลิม ครูเพื่อศิษย์อีสานประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ ที่โรงเรียนมะค่าพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนที่มีเอกลักษณ์คือ "ความพอเพียง" และกำหนดวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะเป็น "องค์กรแห่งการเรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม นำภูมิปัญญา พัฒนาท้องถิ่น" (คลิกดูประวัติโรงเรียนที่นี่)
ขอเล่าด้วยภาพก่อนนะครับ บันทึกต่อไป จะนำเอาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนมะค่าพิทยาคม อันเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของโรงเรียนและของคุณครูวรารัตน์ มาเล่าแลกเปลี่ยนต่อไป
ปัญหาของการศึกษาที่สำคัญที่สุด คือ การสอนให้คนอยากรวย ไม่ได้เน้นสอนให้พึ่งตนเองแล้วช่วยคนอื่นอย่างที่ในหลวงทรงสอนและทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง จึงทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสและคนทิ้งถิ่นเข้าเมืองดังที่ทราบกัน (เคยสะท้อนไว้ที่นี่)
วันนี้ผมตกผลึกในใจตนเอง ถึง รูปแบบการศึกษาที่ตรงกับปรัชญา "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" มากที่สุด ที่ว่ามากที่สุด เพราะเหมาะสมกับคนไทยส่วนใหญ่มากที่สุด ซึ่งมีที่ดิน-ที่นาเป็นของตนเอง จึงขอบันทึกแลกเปลี่ยนไว้ เพื่อค้นหานักการศึกษาที่เห็นเป็นอุดมการณ์เดียวกัน มาช่วยกันสร้าง PLC สำหรับครู-อาจารย์ที่จะมาช่วยกันขับเคลื่อนโรงเรียน-มหาวิทยาลัย ให้มีลักษณะเป็น "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" ให้มากที่สุด
หลักสูตรแกนกลาง ที่ไปผิดทาง ยิ่งห่างไกลจาก "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย"
ผมเคยวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. ๒๕๕๑ ไว้ที่บันทึกนี้ สรุปไว้ว่า หลักสูตรฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเกษตรพึ่งตนเอง นั่นเป็นก้าวใหญ่ ๆ ที่เราไปผิดทางจากปรัชญา "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" และได้เสนอแนวทางการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญานี้ไว้ ดังนี้ว่า (คัดลอกมาอีกครั้ง)
การศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย"
สอนให้เป็นคน "พอเพียง" คือ ใช้ความรู้คู่คุณธรรม (ดูคำอธิบายสมการความพอเพียงที่นี่) ... สร้างภูมิคุ้มกันต่อการหลงไปในโมหภูมิ (โลภะ โทสะ โมหะ) สอนให้ดำเนินชีวิตด้วยระบบเศรษฐกิจพอเพียง "พอกิน พอใช้ พออยู่ ตอบแทนบุญคุณ แบ่งปัน รักษา แบ่งปัน ให้นึกถึงการขายไว้ท้าย ๆ ของความต้องการ คือต้องไม่สอนให้คน "อยากรวย" แต่เน้นสอนให้ "อยากช่วยคนอื่น" อยากช่วยส่วนรวม เสียสละ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน เป็นสำคัญ
- (อนุบาล ๑ ถึง ม.๓) เริ่มโดยเน้นคุณธรรมและระเบียบวินัยในเบื้องต้นด้วยการอบรมบ่มเพาะ และมุ่งการสอนชีวิตและความเป็นคนที่พึ่งตนเองด้วยหลัก "พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น" ... เด็กจะรู้จักและภูมิใจในชุมชน ท้องถิ่น และประเทศของตนเอง มีจิตสำนึกที่จะพัฒนาตนเอง (เรียนรู้) เพื่อจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา(เป็นคนที่มีคุณค่าต่อ)ชุมชน สังคม ประเทศชาติ
- (ม.๔-ป.ตรี) เรียนเน้นเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะตามความถนัดและความสนใจของตน (ที่ได้บ่มเพาะมาดี) อย่างเต็มที่ ... เป้าหมายคือทักษะอาชีพ
- (วัยทำงานหรือศึกษาต่อบัณฑิตศึกษา) เน้นให้เป็นไปเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้ดีต่อส่วนรวม
- (วัยชรา) สอน ถ่ายทอดประสบการณ์ บริหารจัดการ เป็นผู้นำชุมชนสังคมประเทศ และศึกษาค้นพัฒนาตนเองสู่การหลุดพ้นแห่งทุกข์
วันพุธที่ผ่านมา (๑๙ มิ.ย. ๖๒) ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเยี่ยมถอดบทเรียนคุณครูวรารัตน์ ภูเฉลิม ครูเพื่อศิษย์อีสานประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ ที่โรงเรียนมะค่าพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โรงเรียนที่มีเอกลักษณ์คือ "ความพอเพียง" และกำหนดวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะเป็น "องค์กรแห่งการเรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม นำภูมิปัญญา พัฒนาท้องถิ่น" (คลิกดูประวัติโรงเรียนที่นี่)
ขอเล่าด้วยภาพก่อนนะครับ บันทึกต่อไป จะนำเอาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนมะค่าพิทยาคม อันเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ของโรงเรียนและของคุณครูวรารัตน์ มาเล่าแลกเปลี่ยนต่อไป
- เนื้อที่ของโรงเรียนประมาณ ๖๐ ไร่ ทั้งหมด อาจเรียกได้ว่า เป็น "วนเกษตร" ได้ไม่ผิด มีทั้งป่า สวน และไร่นาสาธิต ฯลฯ
- คุณครูวรารัตน์ ยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ซ้ายสุดครับ เราถ่ายภาพนี้หลังจากที่นักเรียนนำเสนอโครงการปุ๋ยโดนัทจาเศษใบไม้จากป่าโรงเรียน ... เริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตอาหารสำหรับพืช
- โรงเรียนได้รวบรวมเรื่องราวทั้งหมด ไว้นำเสนอสำหรับผู้มาดูงาน ที่ห้อง "ศาสตร์พระราชา" น้อง ๆ นักเรียนแกนนำ จะทำหน้าที่อธิบายและพาเดินดูอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
- ในห้องมีผลิตภัณฑ์แปรรูปสาธิต ในรูปเป็นเปลไม้ไผ่ ที่นักเรียนได้รับวิชามาจากภูมิปัญญา ที่เชิญมาเป็นวิทยากรอบรมให้นักเรียน
- มีพืชผักพื้นบ้านภูมิปัญญามากมาย ในรูปนี้คือ ต้นชะมวง สมุนไพรไทย เอาแกงใส่ขาหมูอร่อยนักแล
- ผมถามนักเรียนว่า ทำไมต้นมะตูม ถึงสำคัญยิ่งนักในเมืองไทย ก่อนจะมอบไว้เป็นการบ้านว่า ทำไมพระมหากษัตริย์ไทย ต้องเอาใบมะตูมใช้ทัดเนบพระกัณฑ์ไว้ในราชพิธีสำคัญ ๆ ... มะตูมเป็นไม้มงคลอย่างยิ่ง
- ส่วนนี้เป็นสวนพริกไทย ทุกต้นจะมีป้ายติดไว้ว่า นักเรียนคนใดต้องเป็นผู้ดูแล โดยบูรณาการกับกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ต่าง ๆ ของโรงเรียน
- มะม่วงหาวมะนาวโห่
- มะนาว ย่อมต้องมี
- แปลงนาสาธิต ที่นักเรียนใช้เป็นพื้นที่ทำทดลองต่าง ๆ ในการทำโครงงาน
- ไผ่ มีหลายสายพันธุ์ ไผ่เลี้ยง ไผ่กิมซุง ไผ่ซางหม่น ไผ่บงหวาน ไผ่ข้าวหลาม ฯลฯ
- อ้อยหวาน
- กระชาย
- ดอกกระเจียวหวาน
- มะขามป้อม
- สมอไทย
- ม่อน (มอนเบอรี่กินผล)
ยังมีพืชพันธุ์อื่น ๆ อีกทั่วโรงเรียน เสียดายไม่เวลาจำกัดนัก... "คนค้นครู" จะกลับไปถอดบทเรียนคุณครูวารารัตน์มาเล่าให้ฟังใหม่อีกรอบครับ
สไลด์สองแผ่นสุดท้าย เป็นบทสรุปที่เขียนไว้ในอย่างกระทัดรัด สำหรับท่านที่สนใจครับ
เริ่มขับเคลื่อน "ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" ยังไงดี
ความจริง (ผมตีความของผมเองว่า) กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว ในลักษณะโครงการ "โรงเรียนสถานศึกษาพอเพียง" "โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" และ "โครงการโรงเรียนคุณธรรม" ... แต่สภาพการณ์ของโรงเรียนต่าง ๆ ที่ผมเห็นขณะนี้ ยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่จะเรียกได้ว่าเป็น "โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย" ... แต่คงจะมีแล้ว มีแน่ เช่น โรงเรียนหนึ่งที่ผมรู้จักทางอินเตอร์เน็ตคือ โรงเรียนบ้านหนองผือ (อ่านบันทึกท่าน ผอ.ชัยยันต์ เพชรศรีจันทร์ ที่นี่) หรือแม้แต่ในพื้นที่ก็คงมี
โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ครูเกษตร ครูการงาน ครูวิทยาศาสตร์ ครูคณิตศาสตร์ และครูเทคโนโลยี จะทำงานนี้กันอย่างบูรณาการ โดยเอา "งาน" อันเป็นอาชีพของพ่อแม่ของนักเรียนเป็นสนามฝึก ... สิ่งแรกที่ผมคิดขึ้นได้คือ ปรึกษาครูเพื่อศิษย์อีสาน จัดเวที PLC ครูเพื่อศิษย์อีสานเพื่อแลกเปลี่ยนระดัมสอมองกันเกี่ยวกับแนวคิดนี้
ก่อนจบ โรงเรียนทีผมเพิ่งจะไปนิเทศมา คุณครูบอกว่า ทั้งโรงเรียนแทบจะไม่มีครูเกษตรเหลืออยู่เลย ... เฮ้อ ... จะเป็นอย่างไรหนอ
โรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ครูเกษตร ครูการงาน ครูวิทยาศาสตร์ ครูคณิตศาสตร์ และครูเทคโนโลยี จะทำงานนี้กันอย่างบูรณาการ โดยเอา "งาน" อันเป็นอาชีพของพ่อแม่ของนักเรียนเป็นสนามฝึก ... สิ่งแรกที่ผมคิดขึ้นได้คือ ปรึกษาครูเพื่อศิษย์อีสาน จัดเวที PLC ครูเพื่อศิษย์อีสานเพื่อแลกเปลี่ยนระดัมสอมองกันเกี่ยวกับแนวคิดนี้
ก่อนจบ โรงเรียนทีผมเพิ่งจะไปนิเทศมา คุณครูบอกว่า ทั้งโรงเรียนแทบจะไม่มีครูเกษตรเหลืออยู่เลย ... เฮ้อ ... จะเป็นอย่างไรหนอ