วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

ตอบจดหมาย เรื่อง การประเมินโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ท่าน ผอ. ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง ส่งจดหมายอิเล็คทรอนิกส์มาถามผมเรื่องเกี่ยวกับการประเมินโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  ผมตอบจดหมายตามภูมิรู้เท่าที่มีของตนเอง แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับท่านอื่นๆ ที่กำลังขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาด้วย จึงขออนุญาตท่าน นำมาเผยแพร่ ต่อ ดังนี้ครับ 


หัวข้อ: สอบถามครับ —————————————
อาจารย์ครับ..คำถามเดิมๆ แต่จริงจัง ศน. สนับสนุนโรงเรียนผมมากขึ้น ว่า “ใช่” ที่จะเป็นศูนย์ เนื่องจาก ผลงานต่อเนื่อง กิจกรรมชัดเจน มีคนมาดูงานสม่ำเสมอ ผมมีความสุขกับการทำงาน ไม่คาดหวังการประกวดแข่งขัน งานเกษตรอินทรีย์ที่พอเพียง ทำมาตั้งแต่ ปี ๒๕๕๐ และคิดงานเล็กๆเพิ่มเติมตามบริบท…. ถามอาจารย์ว่า ….เด็ก ๖๙ ครู ๕ เป็นศุนย์ฯ ได้ไหมครับ ผมไม่ได้กลัวเกณฑ์…แต่ผมกำลังเร่งคุณภาพผลสัมฤทธิ์ ... ถ้าผมจะรับการประเมิน ผมอ่านบทความอาจารย์ที่ผมบันทึกไว้มากมาย ก็เพียงพอแล้ว ครับ สุดท้ายนี้ ถ้าศน.ให้ผมสมัครรับการประเมินเป็นศูนย์เทอมหน้า ผมจะได้รับการประเมินราวเดือนไหน ครับ(ปีงบประมาณ ๒๕๕๘) ขอบคุณครับ
***************************************************************************************************************************************
เรียน ท่านผอ.ชยันต์ ที่เคารพ

ขอบพระคุณมากครับ ผมเองก็ติดตามผลงานผ่านบันทึ
กของท่านอย่างต่อเนื่อง เมื่อทราบว่าทางสำนักงานเขตฯ กำลังผลักดันจะให้โรงเรียนท่านเป็นศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา(ปศพพ.) (ตามนโยบายว่า ๑ เขต ต้องมีอย่างน้อย ๑ ศูนย์การเรียนรู้) รู้สึกยินดีมากครับที่ท่านสนใจจะร่วมเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน ปศพพ. ขอเรียนตอบท่านดังนี้ครับ

๑) เด็ก ๙๖ คน ครู ๕ เป็นศูนย์ฯ ได้หรือไม่ ตอบว่า ตามความรู้ที่ผมมีตอนนี้ ไม่มีข้อกำหนดใดๆ เกี่ยวข้องกับจำนวนหรื
อขนาดของโรงเรียน ผมคิดว่า โรงเรียนขนาดเล็กในประเทศเรามีเป็นหมื่นโรงเรียน หากมีตัวอย่างของโรงเรียนศูนย์ฯ ที่มีบริบทคล้ายกัน น่าจะเป็นประโยชน์ยิ่ง ... เราสามารถพิจารณาตนเองตามเกณฑ์ก้าวหน้าได้ว่า เราเหมาะสมที่จะเป็นศูนย์การเรียนรู้หรือไม่

๒) เรื่องการเป็นโรงเรียนศูนย์
การเรียนรู้ฯ กับ คุณภาพผลสัมฤทธิ์ ขอเรียนท่านว่า การเป็นโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ฯ หัวใจสำคัญคือ การขยาย "ผลสัมฤทธิ์" หรือ "ความสำเร็จ" ที่ภูมิใจของตนเองสู่ผู้อื่นๆ หรือโรงเรียนอื่นๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมี "ผลสัมฤทธิ์" หรือ "ความสำเร็จ" ที่ภาคภูมิใจ ผมคิดว่า ท่าน ผอ. ดำเนินงานมาจนถึงตรงนี้ ทุกอย่างที่ท่านทำสำเร็จล้วนแล้วแต่ "พอเพียง" คือสอดคล้องกับการนำหลัก ปศพพ.ไปใช้ทั้งสิ้น นั่นหมายถึง หากท่านจะรับการประเมินเป็นโรงเรียนศูนย์ฯ สิ่งที่้ต้องเตรียมตัวมากหน่อยก็คือ การ "ถอดบทเรียน" "ถอดประสบการณ์" ว่าเราทำอย่างไรจึงสำเร็จ สอดคล้องกับหลักปรัชญาฯ อย่างไร ท่านน้อมนำไปใช้ตอนไหน..เพื่อวัตถุประสงค์ของการ "สื่อสาร ขยายผล" สู่คนอื่น หรือโรงเรียนอื่น ..... หลังจากถอดบทเรียนเทียบเคียงกับเกณฑ์ก้าวหน้า ท่านจะทราบทันทีว่า เราพร้อมจะรับการประเมินหรือยัง ถ้ายังไม่พร้อมต้องเติมอย่างไรบ้าง .... หลายโรงเรียน มีแต่ความ "อยากเป็น" แต่ ไม่มี "ความสำเร็จที่ภูมิใจ" ...

๓) ถ้า ศน. ให้ขอรับการประเมินฯ เทอมหน้า (๒๕๕๘) จะได้รับการประเมินประมาณเดื
อนไหน ... ขอเรียนท่านอย่างนี้ครับ ที่ผมทราบคือ จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองแบบคัดกรอง ซึ่งทุกโรงเรียนต้องส่งเข้าไป ภายในเดือนพฤษภาคม หากผ่านการคัดเลือก จะมีการประเมินประมาณ สิงหาคม หรือ กันยายน ดังนั้น เราต้องนำเสนอในแบบคัดกรองให้ดี (ทำวีซีดีแนะนำจะดีมาก) ว่าเราขับเคลื่อนอย่างไร เกิดผลอย่างไร ทำไมจึงอยากขอรับการประเมินฯ เป็นต้น (มีรายละเอียดในแบบฟอร์ม) .... แต่อย่างไรก็ตาม อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะตอนนี้ เราต้องส่งแบบคัดกรองไปยังเขตพื้นที่การศึกษา เขตพื้นที่จะส่งไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองฯ อีกครั้งหนึ่ง

๔) ผมมีความเห็นเพิ่มเติมอยากเรี
ยนท่าน ผอ. ว่า ศึกษานิเทศน์ (ศน.) ต้องทำงานในลักษณะ "รับ-ประสาน-สร้าง-ส่ง" บางท่านต้อง "รับ" งานจากส่วนกลาง (สพฐ.) หลายๆ โครงการพร้อมๆ กัน หลายโครงการ ศน. ไม่มีสิทธิ์คิด ต้อง "ประสาน-สั่ง-ส่ง" คือเป็นผู้ประสาน มาสั่งงานต่อให้โรงเรียนทำ แล้วส่งไปยังเจ้าของโครงการจากส่วนกลาง แต่บางโครงการก็มีสิทธิ์ "สร้าง" แล้วค่อย "ส่ง" หาก ศน. เข้าใจและน้อมนำหลัก ปศพพ. ไปใช้ในการทำงานของตนจริง ท่านเหล่านั้นจะสามารถบูรณาการงานให้ง่าย (Simplicity) โดยเฉพาะโครงการประเภท "สร้าง" แล้วเสนอต่อสำนักงานเขตฯ ด้วยความเห็นดังนี้ ผมจึงคิดว่า การเปิดโอกาสให้ ศน. ได้เข้ามาเรียนรู้กับท่าน จะเป็นผลดีในระยะกลางและระยะยาวอย่างยิ่ง

ด้วยความเคารพอย่างสูง
ฤทธิไกร

ป.ล. ขออนุญาต นำสาระในอีเมล์ของท่านและคำตอบข้างตนนี้ เผยแพร่ในบันทึก gotoknow จะได้หรือไม่ครับ
**************************************************************************************************************************************

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

เรียนรู้จากคณะกรรมการประเมินโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ ปศพพ. : สังเกตการณ์ประเมินฯ โรงเรียนบ้านเป้าวิทยา

การร่วมการประเมินศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ณ โรงเรียนบ้านเป้าวิทยา อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๗  กระผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่หลายประการผ่านมุมมองของกรรมการฯ ด้วยการ "ฟัง" "สังเกต" และ "คิด" .... ซึ่งแน่นอน อาจจะผิดก็ได้ ดังนั้น ท่านผู้อ่านจึงควรพินิจพิจารณาด้วยหลักปรัชญาฯ ก่อนจะนำไปปรับใช้เถิด...

ข้อสังเกตสำคัญที่พบในการประเมินครั้งนี้ คือ

  • กรรมการเน้น "ความยั่งยืน" กรรมการให้ความเห็นว่า ฐานการเรียนรู้หรือแหล่งเรียนรู้ไม่ควร "ยก ย้าย" ออกจากสถานที่จริงๆ มาแสดงในสถานที่ชั่วคราว เว้นแต่จะเป็นฐานการเรียนรู้ชั่วคราว ที่สามารถเคลื่อนย้าย ยก ยุบ ได้ง่ายไม่ลำบาก หรือเป็นผลงานของนักเรียน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ (เหตุผล) ของการเตรียมงาน  หากมุ่งให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แสดง แบ่งปัน เผยแพร่ อาจสามารถเคลื่อนย้ายเพื่อความสะดวก
  • กรรมการตรวจสอบจริงจัง ลงลึกรายละเอียด เพื่อพิสูจน์กระบวนการทำงาน ว่า น้อมนำหลักปรัชญาฯ มาใช้ในการบริหารจัดการอย่างไร มีแผนระยะยาว กลาง แผนรายปี มีหลกสูตรสถานศึกษา ในหลักสูตรสถานศึกษา มีการน้อมนำหลัปปรัชญาฯ ลงสู่หลักสูตรฯ การเรียนการสอน กิจกรรมเสริมการเรียนรู้  (โดยมากจะทำเป็นโครงการต่างๆ) กรรมการจะตรวจละเอียดถึงขึ้นปฏิบัติ การกระจายงานสู่บุคลากร ครูผู้ทำโครงการฯ เข้าใจหรือไม่ ได้น้อมนำไปใช้ในการทำโครงการนั้นอย่างไร เบิกจ่ายอย่างไร โปร่งใสหรือไม่ (มีการแจกแจงรายละเอียด) ผอ.หรือผู้บริหารมีการตรวจสอบ ถ้วนถี่หรือไม่ ใส่ใจในรายละเอียดหรือไม่ ใส่ใจและติดตามงานโดยเฉพาะงานวิชาการ (อาจสังเกตจากการเกษียนหนังสือ) เมื่อทำโครงการแล้ว มีการตรวจสอบผลลัพธ์หรือไม่อย่างไร หากไม่ได้ผลมีการปรับปรุง ป้องกันอย่างไร มีการรายงานผลลัพธ์ต่อผู้บริหารอย่างไร มีการจัดการความรู้ (จัดเก็บองค์ความรู้) อย่างไร .... อ่านแล้วเป็นไงครับ  ผมตะลึงไปเลย แต่ก็ยอมรับและเห็นด้วยกับท่านทุกประการ เราต้องฝึกตนเองให้ได้แบบนั้นครับ ....
  • คณะกรรมการฯ แบ่งออกเป็น ๓ ทีม 
    • ทีมแรกพบปะกับกรรมการสถานศึกษา ชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 
    • ทีมที่สอง ตรวจสอบผลงานการขยายผลการขับเคลื่อนฯ ของโรงเรียน  กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้บริหารและครูจากโรงเรียนเครือข่ายที่ได้รับการขยายผล 
    • ทีมที่สาม ดูผลงานการขับเคลื่อนของโรงเรียน นั่นคือ ดูผลงานนักเรียน ดูผลลัพธ์ที่ตัวนักเรียน (เกิดอุปนิสัยพอเพียงหรือไม่) ด้วยการให้นักเรียนนำเสนอ เล่าเรื่อง และซักถาม รวมทั้งซักถามครูผู้รับผิดชอบที่ท่านเชิญให้มาอยู่ร่วมด้วยระหว่างที่สอบถามประเมินนักเรียน
  • คำถาม ๕ คำถาม สำคัญที่กรรมการถาม "แบบเปิดหา" (ถามต่อหน้าเวที ให้ยกมือตอบ ใครตอบแล้ว ไม่ให้ตอบอีก) คือ 
    • ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร 
    • จำเป็นต้องน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่โรงเรียนหรือไม่ 
    • เราขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่โรงเรียนอย่างไร 
    • จะรู้ได้อย่างไรว่า การขับเคลื่อนฯ ได้ผลหรือไม่ได้ผล 
    • จะทำให้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงยั่งยืนได้อย่างไร 
  • คำถามที่กรรมการฯ ถามต่อกรรมการสถานศึกษา ชุมชน ฯลฯ (อย่างน้อย)  ๓ ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 
    • รู้ เข้าใจ มีความเห็น ต่อปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างไร 
    • มีความพึงพอใจต่อผลผลิต (หมายถึงนักเรียน พฤติกรรม) ของโรงเรียนอย่างไร 
    • ได้เรียนรู้ หรือ แลกเปลี่ยนความรู้ (ปศพพ.) หรือ มีส่วนร่วมในการพัฒนานักเรียน หรือ กำหนดแนวทางในการพัฒนาโรงเรียน และ ได้สะท้อนผลลัพธ์ให้กับทางโรงเรียนหรือครูอย่างไร 
วิธีคิดคะแนนง่ายๆ ในการประเมินที่กรรมหารสื่อสารต่อผู้รับการประเมินคือ เบื้องต้นจะให้คะแนนไว้ก่อน ๑๐๐ คะแนนเต็ม (ตามเกณฑ์ก้าวหน้า) ภาคเช้าจะตรวจด้าน ผอ. ครู และกรรมการสถานศึกษา ตอนบ่ายจะไปให้คะแนนนักเรียน หากไม่มีที่บกพร่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขก็จะไม่หักคะแนนใดๆ แต่ถ้ามีที่ติจุดไหนก็จะลบคะแนนตามสมควรพร้อมกับให้ความเห็น เป็นการประเมินเชิงพัฒนา

ผมมองว่ากระบวนการและกิจกรรมการประเมินที่โรงเรียนบ้านเป้าวิทยา ได้รับอิทธิพลจากบันทึกที่เขียนเกี่ยวกับการประเมินฯ ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนโนนสังวิทยาคารอย่างมากๆ กระบวนการต่างๆ ออกแบบคล้ายกัน ต่างกันเพียงเป็นคณะกรรมการฯ คนละชุด อย่างไรก็ดี ผมคิดว่า กรรมการไม่ได้ให้คะแนนหรือหักคะแนนกับ "รูปแบบ" ของการเตรียมรับการประเมินฯ จะเห็นได้จากที่ ภาคเช้ากรรมการฯ บอกว่า โรงเรียนบ้านเป้ายังได้คะแนนเต็ม


 




 ดูรูปทั้งหมดที่นี่ 

บันทึกต่อไป มาเรียนรู้จากบ้านเป้าฯ กันครับ